×

อุปทูตจีนย้ำ รักษานโยบายเปิดประเทศท่ามกลางความไม่แน่นอน ลดอุปสรรคนำเข้าสินค้าไทย หนุนการค้าการลงทุน

โดย THE STANDARD TEAM
14.06.2025
  • LOADING...
อุปทูตจีนกล่าวปาฐกถาพิเศษ ย้ำจีนหนุนสินค้าไทยและรักษานโยบายเปิดประเทศ

จางเซียวเซียว อุปทูตฝ่ายเศรษฐกิจและการค้าประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ย้ำว่า ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีความไม่แน่นอนสูงและสงครามการค้าของสหรัฐฯ รัฐบาลจีนจะยังคงรักษานโยบายเปิดประเทศไว้เสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนกับประเทศต่างๆ ขณะเดียวกันจีนยังจับตาผลการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังให้คำมั่นว่าจีนจะส่งเสริมการนำเข้าสินค้าไทยมากขึ้น รวมถึงการลดอุปสรรคต่างๆ เช่น มีการพูดคุยระหว่างศุลกากรจีนกับกระทรวงเกษตร โดยจีนได้ลดอัตราการตรวจสอบสารตกค้าง Basic Yellow 2 ในทุเรียนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเข้า 

 

ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิดหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 (บจท.2)  และหลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 (Young Executive Program 2) ของสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน สถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย-จีน ร่วมกับหอการค้าไทย-จีน ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น อุปทูตจีนเน้นย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างจีนและไทย โดยยกคำพูดของ หานจื้อเฉียง อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยที่เพิ่งหมดวาระที่เคยกล่าวไว้ว่า จีนและไทยไม่ใช่แค่เพื่อนบ้าน แต่เป็นพี่น้องที่เชื่อมโยงกันด้วยแม่น้ำ ภูเขา และมีอนาคตร่วมกัน

 

จางเซียวเซียว กล่าวว่า จีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย และเป็นผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ เช่น ทุเรียน โดยในปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศอยู่ที่ 1.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16% ขณะที่บริษัทจีนลงทุนในไทยผ่าน BOI 5 แสนล้านบาท โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพการผลิตของไทยในระดับภูมิภาค

 

จีนมีสัดส่วนนำเข้าสินค้าเกษตร สินค้าทุน (capital goods) และสินค้ากึ่งสำเร็จรูป (intermediate goods) คิดเป็นกว่า 80% ของการนำเข้าทั้งหมด ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อนำมาใช้ในภาคการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ ภายในประเทศ ก่อนจะส่งออกต่อไปยังต่างประเทศหรือผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเอง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของจีนโดยรวมสูงกว่า

 

อุปทูตจีนชี้ให้เห็นว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวน แต่ไทยและจีนมีสามโอกาสที่สำคัญจากความสัมพันธ์ด้านการค้า ได้แก่ โอกาสจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน โอกาสจากความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมสีเขียว-เศรษฐกิจดิจิทัล และโอกาสสร้างประชาคมไทย-จีนที่มีอนาคตร่วมกัน

 

ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 กับกว่า 150 ประเทศทั่วโลก มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจคิดเป็น 30% ของการเติบโตทั่วโลก โดยอุปทูตจีนกล่าวว่า บริษัทต่างชาติที่มาลงทุนในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 9% ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้จีนยังมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้าประเทศมากถึง 64 ล้านคน เพิ่มขึ้น 83% สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสที่ผู้คนทั่วโลกมองเห็นในจีน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน

 

จางเซียวเซียวยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางการค้าผ่านทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศซึ่งรัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริม โดยเฉพาะในด้านการนำเข้าและส่งออก โดยมีการจัดตั้งเขตนำร่องอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนในหลายพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น ประชาชนจีนสามารถนำเข้าสินค้าโดยได้รับยกเว้นภาษีวงเงินไม่เกิน 26,000 หยวนต่อปี ซึ่งช่วยกระตุ้นการบริโภคและสนับสนุนการค้าออนไลน์ข้ามประเทศ

 

นอกจากนี้ จีนยังให้ความสำคัญกับการลงทุนจากต่างประเทศ โดยแต่ละมณฑลมีนโยบายจูงใจที่แตกต่างกันไปตามศักยภาพของพื้นที่ เช่น มณฑลไห่หนาน ซึ่งเป็นเกาะ ได้รับการส่งเสริมให้เป็นเขตปลอดภาษีสำหรับสินค้านำเข้า เมื่อนำเข้ามาผลิตแล้วสามารถส่งออกไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ได้โดยตรง ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดนักลงทุน จางกล่าวว่า จีนในปัจจุบันไม่เพียงแต่เป็นแหล่งผลิตของโลก แต่ยังเป็นตลาดบริโภคขนาดใหญ่ ด้วยประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน โดยในปีที่ผ่านมา มียอดการบริโภคภายในประเทศสูงถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และจีนก็เปิดรับสินค้าคุณภาพจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ทุเรียนจากไทย

 

อุปทูตกล่าวว่า ปีที่แล้วมีปัญหาการตรวจพบสารตกค้างในทุเรียน แต่ในปีนี้ปริมาณทุเรียนจากไทยเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล จึงได้มีการหารือระหว่างจีนและกระทรวงเกษตรของไทย โดยไทยจะส่งรายชื่อบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือให้จีนพิจารณา ซึ่งจีนก็ได้ลดอัตราการตรวจสอบสารตกค้าง Basic Yellow 2 ในทุเรียนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเข้า โดยมาตรการนี้จีนมอบให้เฉพาะประเทศไทย จนทำให้เวียดนามแสดงความไม่พอใจ


อุปทูตขยายความว่า แม้จีนกับเวียดนามจะมีความสัมพันธ์ที่ดี แต่จีนก็ให้ความสำคัญกับคุณภาพและปริมาณการส่งออกของทุเรียนไทย ซึ่งมีมาตรฐานสูงและมีปริมาณส่งออกมากกว่าเวียดนามหลายเท่า โดยนอกจากจะเป็นประโยชน์กับผู้ผลิตไทยแล้ว ยังส่งผลดีต่อผู้บริโภคชาวจีนที่ได้บริโภคผลไม้คุณภาพดีด้วย


จางเซียวเซียวชี้ว่ากรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าจีนยินดีเปิดรับสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน และมีความมุ่งมั่นในการลดอุปสรรคทางการค้า เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการค้าระหว่างประเทศ

 

อุปทูตยังชวนคนไทยไปเที่ยวชมงาน China International Import Expo (CIIE) ซึ่งเป็นงานมหกรรมที่เน้นการนำเข้าสินค้าต่างประเทศ โดยงานนี้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะกับคู่ค้าชาวจีนโดยตรง โดยทางจีนจะจัดหาผู้ซื้อภายในประเทศไปร่วมงาน เป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดเข้าสู่จีน

 

ส่วนโอกาสจากความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมสีเขียว-เศรษฐกิจดิจิทัลนั้น อุปทูตเผยข้อมูลที่รวบรวมโดยแผนกพาณิชย์ของสถานจีนประจำประเทศไทย ระบุว่าปัจจุบันมีบริษัทจีนที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยมากกว่า 1,000 แห่ง โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคการผลิตและดำเนินธุรกิจในไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5-10 ปี  บริษัทเหล่านี้หลายแห่งมีพาร์ตเนอร์ไทยในฐานะซัพพลายเออร์ระดับ Tier 1 หรือ Tier 2 อยู่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทจีนหน้าใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจยังไม่มีเครือข่ายหรือพาร์ตเนอร์ไทย และยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือจากการพูดคุยกับนักลงทุนจีน พบว่าหนึ่งในความท้าทายคือความแตกต่างด้านวัฒนธรรมการทำงาน เช่น คนไทยมักไม่ทำงานนอกเวลาหลังเลิกงาน หรือไม่รับการติดต่อเรื่องงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งอาจต่างจากวัฒนธรรมการทำงานของจีน ทางสถานทูตจีนจึงได้แนะนำให้บริษัทจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยปรับแนวคิดและพฤติกรรมการทำงานให้สอดคล้องกับบริบทของไทย พร้อมเน้นย้ำว่าหากสองฝ่ายพยายามปรับตัวเข้าหากันก็จะสามารถสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืนได้ 

 

ในแง่ของการปฏิบัติตามกฎระเบียบนั้น อุปทูตย้ำว่า บริษัทจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยได้ดำเนินการภายใต้กรอบของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งกำหนดให้แรงงานอย่างน้อย 75% ต้องเป็นคนไทย โดยจากข้อมูลที่ได้รับ พบว่าหลายบริษัทจ้างแรงงานไทยมากถึง 90% หรือมากกว่า เช่น บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์รายหนึ่งที่มีสัดส่วนแรงงานไทยถึง 99%

 

อย่างไรก็ตาม อุปทูตชี้ว่า บริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างหรือได้รับการรายงานผ่านสื่อ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีการนำเสนอข้อมูลเชิงบวกเหล่านี้เท่าที่ควร ขณะเดียวกัน ข่าวเชิงลบที่ปรากฏในบางกรณีอาจเป็นส่วนน้อย แต่กลับได้รับความสนใจในวงกว้างมากกว่า 

 

“ทางฝ่ายจีนให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทจีนในไทย โดยมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับสมาคมธุรกิจจีนในประเทศไทย เพื่อให้บริษัทต่างๆ ปฏิบัติตามมาตรฐานที่เหมาะสม และเปิดรับการตรวจสอบอย่างโปร่งใส” อุปทูต จางเซียวเซียว กล่าว

 

สำหรับโอกาสจากการสร้างประชาคมไทย-จีนที่มีอนาคตร่วมกันนั้น จางเซียวเซียวกล่าวว่า จีนยังคงยึดมั่นในนโยบายเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยกล่าวไว้ว่า “การเปิดประเทศก็เหมือนการเปิดประตูบ้าน ซึ่งจะมีทั้งแสงแดด ลม และแมลงเข้ามา แต่เราก็ไม่ควรปิดประตูเพียงเพราะกลัวแมลง” คำกล่าวนี้สะท้อนถึงแนวทางของจีนที่พร้อมเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสร้างโอกาสแก่ทุกฝ่ายในการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ การค้า และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในบริบทของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา หลายฝ่ายอาจสงสัยถึงท่าทีของไทยต่อสถานการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จีนมองว่า ไทยมีท่าทีที่ดีที่แสดงความต้องการเจรจากับสหรัฐฯ อย่างสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ

 

อุปทูตจีนแสดงความเชื่อมั่นว่า ผลการเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะส่งผลเชิงบวกต่อประเทศอื่นๆ ด้วย โดยจีนจะยืนหยัดคัดค้านมาตรการกีดกันทางการค้า เช่น การขึ้นภาษี และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาระเบียบการค้าระหว่างประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบัน จีนเชื่อว่าการสร้างสังคมโลกที่มีระเบียบและยึดหลักกติกาจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทุกประเทศ ในขณะที่การหันหลังให้กับความร่วมมือระหว่างประเทศ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้แก่โลก 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising