วานนี้ (24 พฤศจิกายน) จางเจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ตอบคำถามสื่อมวลชนหลังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องประชุมสถานเอกอัครราชทูตจีน กรุงเทพฯ
โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและจีนในการปราบปรามปัญหาสแกมเมอร์ เนื่องด้วยเป็นหนึ่งในประเด็นท้าทายความสัมพันธ์ไทย-จีนในโอกาสครบรอบ 50 ปีในปีนี้ ซึ่งทูตจีนตอบว่า ช่วงปีที่ผ่านมา สองฝ่ายมีความร่วมมือในการปราบปรามขบวนการหลอกลวงออนไลน์เป็นอย่างดี โดยมีการส่งตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์กลับจีนแล้วจำนวน 5,000 คน และอีกตัวอย่างที่ชัดเจนคือก่อนหน้าการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของในหลวง 1 วัน ทางการไทยมีการส่งตัว เสอจื้อเจียง ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ในชเวโก๊กโก่ของเมียนมาและถูกจองจำอยู่ที่ไทย กลับไปดำเนินคดีที่จีนได้สำเร็จ ซึ่งเคสนี้เอกอัครราชทูตกล่าวว่าได้สร้างบรรยากาศที่ดีระหว่างสองฝ่ายก่อนการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของในหลวง
เอกอัครราชทูตจีนยังกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยภายใต้ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ส่งตัวนักโทษกลับประเทศจีนครั้งนี้ พร้อมย้ำว่า การปราบปรามขบวนการฉ้อโกงออนไลน์ถือเป็นหน้าที่ของทั้งรัฐบาลจีนและไทย และเป็นประเด็นความร่วมมือที่สำคัญของทั้งสองฝ่ายในอนาคตด้วย โดยฝ่ายจีนจะประสานกับฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิดและใช้มาตรการที่เข้มข้นเพื่อปราบปรามสแกมเมอร์ โดยเฉพาะในเมียวดีของเมียนมา
อีกคำถามที่อยู่ในความสนใจเป็นเรื่องเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่ธาตุสำคัญระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับไทยที่มีการประกาศในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่มาเลเซียเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามเอกอัครราชทูตจีนนอกรอบว่า นายกฯ อนุทิน ซึ่งติดตามในหลวงระหว่างเสด็จฯ เยือนจีนครั้งนี้นั้น มีการพูดคุยกับผู้นำจีนเกี่ยวกับประเด็นนี้หรือไม่ และทางการจีนมองเรื่อง MoU นี้อย่างไร
เอกอัครราชทูตจางตอบว่า ในระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของในหลวงครั้งนี้ สองฝ่ายมุ่งเน้นพูดคุยในประเด็นมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างไทยและจีนเป็นหลัก ไม่ได้คุยเรื่อง MoU แร่หายากระหว่างไทยกับสหรัฐฯ แต่อย่างใด และจนถึงปัจจุบันจีนก็ไม่มีท่าทีในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ทูตจางกล่าวว่า จีนได้ติดตามพัฒนาการในเรื่องนี้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในอนาคตจีนจะเปิดทางให้มีความร่วมมือด้านแร่หายากหรือแรร์เอิร์ธระหว่างไทยกับจีนหรือไม่ โดยแรร์เอิร์ธเป็นแร่ธาตุสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไปจนถึงชิป AI ยานอวกาศ และอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย
เอกอัครราชทูตจางตอบว่า เขาเชื่อว่าหากไทยและจีนมีความต้องการสอดคล้องกันในเรื่องนี้ จีนก็พร้อมเปิดประตูสำหรับความร่วมมือดังกล่าว


