รัฐบาล จีน และภาคเอกชนกำลังหันไปหาแหล่งทรัพยากรที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในการพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา นั่นคือ ‘ผู้สูงอายุ’
จีน เป็นหนึ่งในสังคมที่มีอายุมากขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก โดยคาดว่ากลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปจะมีสัดส่วนประมาณ 30% ของประชากรทั้งหมดภายในปี 2035 การกระตุ้นให้กลุ่มนี้ใช้จ่ายมากขึ้นอาจช่วยกระตุ้นการบริโภคที่กำลังซบเซาได้
เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมได้ออกแนวปฏิบัติสำหรับการฝึกอบรมแรงงานที่มีทักษะในภาค ‘เศรษฐกิจสีเงิน’ (Silver Economy) ซึ่งหมายถึงเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยผู้สูงอายุ ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม คณะรัฐมนตรีได้ให้คำมั่นว่าจะระดมทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขความท้าทายของประชากรสูงอายุ รวมถึงการปรับปรุงบริการด้านอาหารและสุขภาพ และเร่งการพัฒนาสถาบันดูแลผู้สูงอายุ
ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าเศรษฐกิจสีเงินจะมีมูลค่าระหว่าง 19-30 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 95-150 ล้านล้านบาท) และคิดเป็น 10% ของ GDP ของจีนภายในปี 2035
QuantaSing Group ซึ่งเสนอหลักสูตรการเงินออนไลน์สำหรับผู้ใหญ่ เป็นหนึ่งในบริษัทที่ตอบรับนโยบายของรัฐบาล บริษัทได้เปลี่ยนธุรกิจหลักมาอยู่ในเศรษฐกิจสีเงิน โดยขยายบริการออนไลน์ไปยังหลักสูตรที่มุ่งเป้าไปที่ผู้สูงอายุ ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ตั้งแต่การดูแลสุขภาพไปจนถึงการตัดต่อและอัปโหลดวิดีโอ รวมถึงเริ่มจัดทัวร์กลุ่มภายในประเทศสำหรับผู้สูงอายุด้วย
“เป้าหมายสูงสุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์คือการขายสินค้าผ่านไลฟ์สตรีมมิงให้กับผู้สูงอายุ” Tim Xie ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ QuantaSing กล่าว “เราจะค่อยๆ เปลี่ยนจากบริษัท EdTech (เทคโนโลยีด้านการศึกษา) ไปเป็นผู้ให้บริการด้านการบริโภค”
QuantaSing เริ่มธุรกิจไลฟ์สตรีมมิงอีคอมเมิร์ซเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยเน้นขายสุราเป็นหลัก และได้เปิดตัวแบรนด์สุราของตัวเองเป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม และมีแผนจะเปิดตัวเพิ่มเติมอีก
อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการเอาใจลูกค้าสูงอายุของจีนไม่ได้ราบรื่นเสมอไป หลังจากได้รับคำสั่งจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศในปี 2020 บริษัทจีนส่วนใหญ่ได้เปิดตัวแอปเวอร์ชันสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ซึ่งมีขนาดตัวอักษรและไอคอนที่ใหญ่ขึ้น และมีฟีเจอร์ที่ซับซ้อนน้อยลง
อย่างไรก็ตาม มีข้อร้องเรียนว่าบางเวอร์ชันสำหรับผู้สูงอายุมีโฆษณาเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่ทำการตลาดผลิตภัณฑ์ทางการเงินในลักษณะที่เป็นการเอาเปรียบ
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทและรัฐบาลกำลังมองหา ‘กระสุนเงิน’ นี้เป็นเพราะการบริโภคที่อ่อนแอเรื้อรังในหมู่คนรุ่นใหม่กำลังดึงประเทศไปสู่ภาวะเงินฝืด การชะลอตัวทางเศรษฐกิจและโอกาสในการทำงานที่ลดลง ทำให้คนหนุ่มสาวชาวจีนบางคนเริ่มใช้ชีวิตแบบ ‘นอนราบ’ (Lying Flat) โดยทำงานและบริโภคน้อยลง
รายงานในเดือนมีนาคมโดย Chinese Academy of International Trade and Economic Cooperation กล่าวว่า ประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปจะกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญสำหรับภาคอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากเกือบ 1 ใน 3 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดมีอายุมากกว่า 50 ปี ณ สิ้นเดือนมิถุนายน
“ผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง กำลังให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและการรักษาสุขภาพที่ดีมากขึ้น” รายงานระบุ “พวกเขามีความปรารถนาและความสามารถในการแสวงหาชีวิตที่ดีขึ้น” และเสริมว่าความต้องการของผู้สูงอายุในเมืองจะมีความหลากหลายและร่ำรวยกว่าในพื้นที่อื่นๆ
ในปี 2020 ประมาณ 47% ของผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน และมีเพียง 10% เท่านั้นที่พึ่งพาเงินบำนาญเป็นแหล่งรายได้หลัก ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับงานของตนเองและการสนับสนุนจากสมาชิกในครอบครัว ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการ
Cai Fang หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญของ National Think Tank และผู้เชี่ยวชาญของ Chinese Academy of Social Sciences กล่าวว่า สัดส่วนของผู้สูงอายุในจีนนั้นมากกว่าส่วนแบ่งการบริโภคของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาไม่มีรายได้จากการทำงานอีกต่อไป “ด้วยระบบสวัสดิการสังคมที่ไม่เท่าเทียมและไม่เพียงพอ ความสามารถและความเต็มใจในการบริโภคของพวกเขากำลังลดลง” เขากล่าว
แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนแย้งว่า แม้ว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่ของประเทศจะมีรายได้น้อย แต่ก็มีผู้ที่สะสมความมั่งคั่งไว้มากมายในช่วงที่เศรษฐกิจจีนเติบโตสูง และพวกเขายินดีจ่ายสำหรับบริการต่างๆ มากขึ้น เช่น การดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม Dang Junwu รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยผู้สูงอายุแห่งประเทศจีน กล่าวในช่วงหนึ่งของ China Macroeconomy Forum เมื่อปลายเดือนเมษายนว่า แม้จะใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ก้าวหน้าที่สามารถทำยอดขายได้อย่างมีนัยสำคัญในประเทศจีน และจำนวนองค์กรบริการผู้สูงอายุที่มีชื่อเสียงก็มีจำกัดมาก
“ปัจจุบันโครงสร้างอุปทานของจีนรองรับประชากรที่อายุน้อยกว่าเป็นหลัก การปรับเปลี่ยนที่จำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมผู้สูงอายุมีต้นทุนมหาศาลและท้าทายอย่างยิ่ง” เขากล่าว
ภาพ: Hung Chung Chih / Shutterstock
อ้างอิง: