หน่วยงานกำกับดูแลไซเบอร์สเปซของจีนได้สั่งให้บริษัทต่างๆ รวมถึง Alibaba Group Holding Ltd. ระงับการสั่งซื้อ RTX Pro 6000D ของ Nvidia Corp. ซึ่งเป็นเซมิคอนดักเตอร์สำหรับเวิร์กสเตชันที่สามารถนำมาใช้ซ้ำสำหรับการใช้งานด้านปัญญาประดิษฐ์ได้ การตัดสินใจครั้งนี้ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานว่าหลายบริษัทเดิมมีแผนจะซื้อชิปจำนวนนับหมื่นตัว โดย Nvidia พัฒนารุ่นนี้ขึ้นมาเพื่อหลบเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามขายชิป AI ระดับสูงให้จีน
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้น Nvidia ร่วงลง 2.7% ในการซื้อขายที่สหรัฐฯ ขณะที่หุ้นคู่แข่งอย่าง AMD ก็ลดลงเกือบ 1% การเคลื่อนไหวของปักกิ่งครั้งนี้สะท้อนความพยายามลดการพึ่งพาฮาร์ดแวร์ต่างชาติ และเร่งส่งเสริมชิปภายในประเทศ ขณะเดียวกัน จีนยังคงประท้วงมาตรการคุมเข้มของสหรัฐฯ ที่ปิดกั้นไม่ให้บริษัทจีนเข้าถึงชิปขั้นสูงและอุปกรณ์การผลิต ซึ่งเป็นหัวข้อสำคัญในการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจล่าสุดของจีน โดยการประชุมทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ถูกคาดว่าจะหารือหลายประเด็น รวมถึงดีล TikTok ในสหรัฐฯ เช่นกัน ซีอีโอของ Nvidia อย่าง เจนเซ่น หวง แสดงความผิดหวังต่อข้อสั่งห้ามดังกล่าว โดยกล่าวว่า “เราสามารถให้บริการตลาดได้ก็ต่อเมื่อประเทศนั้นยอมรับเรา”
ปัจจุบัน Nvidia ครองตลาดชิปที่จำเป็นต่อการพัฒนาและให้บริการ AI ซึ่งบริษัทชั้นนำอย่าง OpenAI และ Meta ใช้งานอยู่ แม้บริษัทจีนจะพยายามพัฒนาทางเลือกภายในประเทศ แต่ก็ยังคงต้องการฮาร์ดแวร์ของ Nvidia อย่างมาก บริษัทจึงกดดันรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ผ่อนคลายข้อจำกัดที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2022 โดยมีเป้าหมายสกัดไม่ให้จีนได้เทคโนโลยี AI ที่อาจเพิ่มศักยภาพทางทหาร
ทั้งนี้ ชิป RTX Pro 6000D เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ Nvidia พัฒนาสำหรับตลาดจีน โดยไม่ใช่รุ่นหลัก จุดประสงค์หลักคือใช้กับงานกราฟิกและการออกแบบผลิตภัณฑ์ แต่ก็สามารถประยุกต์ใช้ในศูนย์ข้อมูล AI ได้ แม้จะด้อยประสิทธิภาพกว่าชิประดับสูง นอกจากนี้ยังมีรุ่นสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะกับห้องข้อมูลขนาดเล็ก ไม่ใช่ศูนย์ขนาดใหญ่เหมือนที่ใช้ชิปตระกูล Blackwell การสั่งห้ามของปักกิ่งจึงทำให้ตัวเลือกของบริษัทจีนแคบลงอีก
Nvidia ยังพัฒนา H20 ชิปสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ซึ่งแม้จะด้อยกว่ารุ่นท็อปแต่เหมาะกับการทำ inference (การตีความและสรุปผลของโมเดล AI) สหรัฐฯ เคยจำกัดการขาย H20 ให้จีน แต่ต่อมาก็อนุมัติการส่งออกในบางกรณี โดยแลกกับส่วนแบ่งรายได้ 15% อย่างไรก็ตาม จีนกลับแสดงท่าทีไม่สนับสนุนการใช้งาน H20 ทำให้ Nvidia แม้ได้รับอนุญาตแล้วก็ยังไม่สามารถส่งออกจริง CFO ของ Nvidia ยอมรับว่าบริษัทต้องรอให้รัฐบาลจีนแสดงท่าทีเชิงบวกก่อน
แรงกดดันต่อบริษัทสหรัฐฯ ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ จีนเพิ่งตัดสินว่า Nvidia มีความผิดด้านการผูกขาดจากการเข้าซื้อ Mellanox Technologies มูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 และยังเปิดการสอบสวนการทุ่มตลาดต่อชิปบางชนิดที่ผลิตโดยบริษัทสหรัฐฯ เช่น Texas Instruments
ในอีกด้านหนึ่ง ความเชื่อมั่นต่อชิปในประเทศของจีนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายงานระบุว่าทางการเริ่มเห็นว่าชิปภายในมีความก้าวหน้าพอ Huawei เป็นผู้นำในการพัฒนา AI ชิปสำหรับตลาดในประเทศ ขณะที่บริษัทใหม่อย่าง Cambricon ก็มีความก้าวหน้าไม่น้อย Alibaba และ Baidu ต่างก็เร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง Alibaba ถึงขั้นได้ลูกค้ารายใหญ่คือผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออันดับ 2 ของประเทศที่เลือกใช้ชิป “T-Head” ของตน แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
การสั่งห้ามซื้อชิป Nvidia รุ่น RTX Pro 6000D ของรัฐบาลจีนถือเป็นหมากสำคัญในสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน ไม่เพียงกระทบต่อยอดขายของ Nvidia และตลาดหุ้น แต่ยังตอกย้ำทิศทางที่ปักกิ่งต้องการผลักดันประเทศให้พึ่งพาเทคโนโลยีภายใน ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเพื่อจำกัดความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI ความเคลื่อนไหวนี้จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของธุรกิจชิป แต่ยังเป็นเวทีเชิงยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์สองชาติมหาอำนาจ
ภาพ: Cylonphoto/Getty Images
อ้างอิง: