หลังจากวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนปะทุขึ้นมา รัฐบาลจีนพยายามออกมาตรการช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น เงินกู้จากแบงก์ ลดดอกเบี้ย การช่วยเหลือบริษัทพัฒนาอสังหา แต่ดูเหมือนว่ามาตรการต่างๆ จะยังไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้มากนัก
แหล่งข่าวที่ชื่อว่า Echo ซึ่งประกาศขายบ้านในจีน ได้รับข้อเสนอเข้ามาเพียง 4 ครั้ง ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และแต่ละคนต่างขอให้เธอช่วยลดราคาขายลง 10%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ผู้ซื้อบ้านชาวจีนกลับลำ เร่งชำระคืนเงินกู้ที่อยู่อาศัยล่วงหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
- ‘จีน’ ผนึก ‘รัสเซีย’ ดันสกุลเงินกลุ่ม BRICS เป็นทางเลือกชำระเงิน หวังคานอำนาจดอลลาร์สหรัฐ
- 10 กองทุนหุ้นจีน ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน แกร่งสุด
“ทุกคนต่างรอให้ราคาบ้านลดลงมากกว่านี้ก่อนจะตัดสินใจซื้อ และจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป”
ปัจจุบันความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ใกล้จุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ผลสำรวจความเห็นจากธนาคารกลางจีน ระบุว่า 73% ของแต่ละครัวเรือน คาดว่าราคาอสังหาจะไม่เปลี่ยนแปลงหรือลดลงในระยะสั้น
ทั้งนี้ ภาคอสังหาคิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของเศรษฐกิจในประเทศ และคิดเป็นประมาณ 40% ของสินทรัพย์ของครัวเรือนต่างๆ
ปัจจุบันรัฐบาลจีนพยายามที่จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน อย่างธนาคารกลางได้ปรับลดดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านในเมืองต่างๆ กว่า 20 เมือง โดยธนาคารของรัฐได้ปล่อยกู้เงินเพิ่มเติมอีก 6 แสนล้านหยวน ขณะเดียวกันยังได้ให้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านใหม่
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความพยายามพลิกฟื้นความเชื่อมั่นยังไม่เป็นผลนัก ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า 45% ของบริษัทพัฒนาอสังหา อาจไม่สามารถชำระคืนหนี้ได้ด้วยผลกำไรที่หามา และ 20% ของบริษัทเหล่านี้อาจต้องล้มละลาย หากโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ในมือมีมูลค่าลดลงมาเหลือเท่ากับราคาตลาดขณะนี้
ในปีนี้หุ้นกลุ่มอสังหาของจีนดิ่งลง 39% ขณะที่ราคาหุ้นและหุ้นกู้ของภาคอสังหาดูเหมือนจะไม่ฟื้นตัวจนกว่ายอดขายบ้านจะเริ่มดีขึ้น
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนมองว่า การออกมาตรการช่วยเหลือและผ่อนคลายมาตรการควบคุมเกี่ยวกับโควิด อาจช่วยให้ตลาดผ่านจุดต่ำสุดไปได้ในปีนี้ และค่อยๆ ฟื้นตัวในปี 2023 ขณะที่มุมมองส่วนน้อยคาดว่าอาจเห็นการฟื้นตัวแรง
นักกลยุทธ์ของ Morgan Stanley อย่าง Stephen Cheung และ Chloe Lui ระบุว่า มาตรการของรัฐบาลจีนมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้ความเสียหายจากตลาดอสังหากระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม มากกว่าที่จะพยายามกระตุ้นให้ตลาดอสังหากลับมาดีอีกครั้ง
ขณะที่ Bloomberg Economics ระบุว่า การขยายตัวของสังคมเมืองในจีนเริ่มชะลอลง เนื่องจาก 65% ของประชากรจีนได้อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ แล้ว โดยอุปทานของตลาดบ้านจำเป็นจะต้องลดลง 25% เพื่อให้สอดคล้องกับอุปสงค์ที่คาดการณ์ไว้ในปี 2031
ด้าน Anne Stevenson-Yang ผู้ร่วมก่อตั้ง J Capital Research กล่าวว่า จีนจะผ่านพ้นช่วงขาลงของตลาดอสังหาไปได้ แต่ผู้คนจะเผชิญกับการขาดทุน ขณะที่ธนาคารต่างๆ จะถูกขอเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ โดยลดหนี้ลงบางส่วน
อ้างอิง: