Steven Feng ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของ NIO Inc ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ออกมาแสดงความมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถทำยอดขายทะลุเป้าที่วางไว้ที่ 250,000 คันจากปีก่อนหน้า ซึ่งคิดเป็นการเติบโตจากยอดขายปีที่แล้วถึง 2 เท่า
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Steven Feng ได้ออกมาเปิดเผยว่าปีนี้ NIO จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 5 รุ่น ซึ่งจะทำให้รถไฟฟ้ามีความหลากหลายมากขึ้นในตลาด และโมเดลใหม่ๆ นี้จะช่วยบริษัทเพิ่มยอดขาย
และเพื่อให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทครบวงจรมากขึ้น นอกจากเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่แล้ว ทาง NIO มีแผนขยายการลงทุนในด้านสถานีชาร์จและแบตเตอรี่ รวมถึงเดินหน้าปลดล็อกและมุ่งขับเคลื่อนเทคโนโลยีอัตโนมัติที่จะนำไปสู่ยานพาหนะไร้คนขับในอนาคต
โดยภายหลังประกาศความมั่นใจครั้งนี้ หุ้นของ NIO ในตลาดฮ่องกงปรับเพิ่มขึ้นมากถึง 8.6%
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า Ford Motor ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา มีแผนที่จะเริ่มรายงานผลประกอบการทางการเงินตามหน่วยธุรกิจ แทนที่จะเป็นตามภูมิภาคแบบเดิม ซึ่งจะแจกแจงรายละเอียดด้านการเงินของบริษัทอย่างเป็นระบบมากขึ้น และสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจใหม่ของทางค่ายมีการดำเนินการอย่างไรในปี 2021 และ 2022
ทั้งนี้ หน่วยธุรกิจใหม่ของ Ford ครอบคลุม Ford Blue ธุรกิจเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิม, หน่วยรถยนต์ไฟฟ้า Model e, ธุรกิจยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์และราชการอย่าง Ford Pro, และ Ford Next โซลูชันการเคลื่อนย้ายที่ไม่ใช้ยานยนต์ และเทคโนโลยีแห่งอนาคตอื่นๆ โดยข้อมูลที่ว่านี้ยังรวมถึงบรรดาบริษัทสาขาที่ให้บริการทางการเงินในส่วนของ Ford Credit ที่มีอยู่ด้วยเช่นกัน
โดย Ford คาดหวังว่าการเปลี่ยนแปลงการรายงานผลประกอบการครั้งนี้จะทำให้เห็นภาพระบบการเงินที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทต่างจับตารอดูการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะทำให้เห็นกำไรขาดทุนของบริษัทในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทจะรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกภายใต้รูปแบบใหม่ในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อากิโอะ โทโยดะ ซีอีโอ Toyota เผยแล้ว เหตุผลที่ไม่กระโจน ‘สู่สายพาน EV’ พร้อมย้ำ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังไม่ใช่กระแสหลัก
- รถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทรนด์ก็จริง แต่เมืองไทยพร้อมหรือยังสำหรับรถที่จะใช้แบตเตอรี่ 100%
- รู้จัก BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชื่อนี้ ที่ Tesla อยากได้ และกำลังจะเข้ามาทำตลาดในไทยเป็นครั้งที่ 3
อ้างอิง: