วานนี้ (27 ตุลาคม) ทางการจีนระบุ ไต้หวัน ‘ไม่มีสิทธิ์’ สมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ (United Nations) แม้ทางการสหรัฐอเมริกาจะให้การสนับสนุนและชี้ว่าการเข้ามามีส่วนร่วมกับองค์การนี้ของไต้หวันจะมีความหมายและความสำคัญอย่างมาก
การเน้นย้ำจุดยืนของทางการจีนเกี่ยวกับกรณีของไต้หวันเกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ของไต้หวันและสหรัฐฯ พูดคุยหารือกันเกี่ยวกับความต้องการของไต้หวันที่อยากจะกลับเข้าไปมีบทบาทอีกครั้งในสหประชาชาติ
เดิมทีไต้หวัน หรือสาธารณรัฐจีน เคยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ จนถึง 25 ตุลาคม 1971 ก่อนที่จะแพ้ผลโหวต มีมติให้จีน หรือสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน เข้ามาเป็นสมาชิกแทน และให้ประชาคมโลกยึดถือนโยบายจีนเดียว โดยสงครามการเมืองภายในส่งผลให้รัฐบาลของสาธารณรัฐจีนต้องอพยพมายังเกาะไต้หวันและเริ่มถูกลดบทบาทลงในเวทีระหว่างประเทศ
ทางด้าน หม่าเสี่ยวกวง โฆษกประจำสำนักงานกิจการไต้หวันในกรุงปักกิ่งของจีน ระบุว่า “สหประชาชาติเป็นองค์กรระหว่างประเทศระดับรัฐบาลที่ประกอบได้ด้วยสมาชิกที่เป็นรัฐอธิปไตยต่างๆ ในขณะที่ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน”
ทางด้าน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า เขารู้สึกเสียใจที่ไต้หวันถูกลดบทบาทลงอย่างต่อเนื่องบนเวทีโลก พร้อมเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในสหประชาชาติสนับสนุนการเข้ามามีส่วนร่วมของไต้หวันอีกครั้ง
การแสดงจุดยืนอย่างแรงกล้าของสหรัฐฯ ที่ต้องการจะช่วยปกป้องไต้หวัน สร้างความตึงเครียดให้กับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนไม่น้อย ในขณะที่ทางการจีนเองก็เดินเกมเข้ากระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มตาลีบันที่ก้าวขึ้นมาบริหารประเทศอัฟกานิสถาน หลังจากสหรัฐฯ ถอนกำลังทางทหารและโค่นล้มรัฐบาลเดิมได้สำเร็จ ทั้งไต้หวันและอัฟกานิสถานจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่ทวีความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจนี้ได้ในอนาคตอันใกล้
ภาพ: Khanthachai C / Shutterstock
อ้างอิง: