×

AI เปลี่ยน ‘ซินเจียง’ ไปไกลกว่าที่คิด! เมื่อจีนพลิกผืนทะเลทราย สลับภูเขาน้ำแข็ง สู่ต้นแบบ ‘เกษตรยุคใหม่’

03.08.2025
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • THE STANDARD WEALTH บุกเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน ชมต้นแบบเกษตรจีนยุคใหม่ 
  • จีนตั้งเป้าพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรม AI ของโลกภายในปี 2030 
  • คุยกับ ‘ฉัตรชัย ศิริไล’ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กับความท้าทายภาคเกษตรไทย ถึงแผนผลักดันเกษตรกรรุ่นใหม่ (New Gen & Young Smart Farmer) กรณีศึกษาโมเดลเกษตรซินเจียง

หัวข้อในเนื้อหานี้


 

 

หลายคนอาจจะเคยได้ยินสำนวนจีน ที่กล่าวไว้ว่า “ประชาชนมองเรื่องอาหารการกินสำคัญเท่าฟ้า” (民以食为天) ซึ่งสื่อความหมายว่า “พื้นฐานของคนนั้น เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่”

 

ด้วยประชากรของจีนที่มีมากกว่า 1,400 ล้านคน การแก้ไขปัญหาปากท้องจึงเป็นภารกิจที่สำคัญของรัฐบาลจีนมาโดยตลอด

 

“การสร้างจีนให้เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จำเป็นต้องพัฒนาด้านการเกษตรก่อน” (强国必先强农)

 

เมื่อไม่นานมานี้ เราจะเห็นรัฐบาลจีน ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประกาศแผนยุทธศาสตร์การผลิตฉบับใหม่ที่มุ่งเจาะเทคโนโลยีชั้นสูง แผนที่เรียกว่า ‘Made in China 2025’

 

แน่นอนว่า ความโดดเด่นของจีนในวันนี้คือเทคโนโลยี ที่ตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางนวัตกรรม AI ที่สำคัญของโลกภายในปี 2030 โดยขนาดของอุตสาหกรรมหลัก AI จะต้องเกิน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 140.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และขนาดของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจะเกิน 10 ล้านล้านหยวน หนึ่งในแผนนั้นคือการเป็นมหาอำนาจเกษตรและอาหาร

 

ยุทธศาสตร์เกษตรจีน

 

ซินเจียง ‘เส้นทางสายไหม’ สำคัญของจีน

 

THE STANDARD WEALTH มีโอกาสเดินทางไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของทวีปยูเรเซีย มีเส้นเขตแดนกว้างใหญ่กว่า 5,600 กิโลเมตร

 

เขตแดนติดกับรัสเซีย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน ปากีสถาน มองโกเลีย อินเดียและอัฟกานิสถาน อีกทั้งยังเป็นทางผ่านที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ของเส้นทางสายไหมโบราณ ปัจจุบันดินแดนแห่งนี้เป็นเหมือนสะพานแห่งที่สอง ที่เชื่อมเอเชียกับยุโรปเข้าด้วยกัน

 

หลายคนอาจจะยังรู้ว่าอีกมุมของ ‘ซินเจียง’ ในปัจจุบันนั้น นอกจากเป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางภูมิประเทศ ทั้งทะเลทรายอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาและภูเขาน้ำแข็ง มีวัฒนธรรมมีความหลากหลาย พื้นที่แห่งนี้กลับมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ที่ผลิตมากที่สุดในจีน นั่นคือ ก๊าซธรรมชาติ 

 

การผลิตน้ำมันดิบ ก็เป็นอันดับ 2 ของจีน มีพื้นที่ปศุสัตว์ ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน มีผลิตผลทางการเกษตรหลากหลาย ที่ขึ้นชื่อก็คือ ‘ฝ้าย’ ที่ใหญ่ที่สุดครองสัดส่วน 20% ของผลผลิตฝ้ายโลก 

 

นอกจากนั้นซินเจียงยังขึ้นชื่อเรื่องผลไม้ เช่น องุ่น แอปเปิ้ล เมลอน ฯลฯ ซึ่งได้เปรียบจากความต่างระหว่างอุณหภูมิระหว่างกลางวัน และกลางคืนที่มีความแตกต่างสูง และพืชผลอีกชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงและนิยมเป็นอย่างมากในพื้นที่ก็คือ ‘มะเขือเทศ’ หลากสี

 

ยุทธศาสตร์เกษตรจีน

 

ทำไมพื้นที่จีนพลิกทะเลทรายและภูเขาน้ำแข็ง พัฒนาเมืองต้นแบบเกษตรยุคใหม่ได้?

 

ซินเจียง มีศูนย์สาธิตและท่องเที่ยวเชิงพักผ่อนและวิทยาศาสตร์การเกษตรระดับ AAAA แห่งชาติ ที่อยู่ภายในอุทยานนิทรรศการเกษตรกรรมซินเจียง (Xinjiang Agricultural Expo Park) สร้างขึ้นในปี 2010 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 5,819 ไร่ ตั้งอยู่ในเมืองชางจี๋ ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

 

ที่นี่ เป็นหนึ่งในสถานีวิจัยด้านการเกษตร 9 แห่งทั่วประเทศจีน ที่นำเสนอเทคโนโลยี vertical farming หรือการปลูกพืชแนวตั้งในโรงงานระบบปิด ที่ควบคุมสภาพแวดล้อมด้วยระบบอัจฉริยะ ทั้งแสง อุณหภูมิ ความชื้น รวมถึงระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ 

 

ความโดดเด่นที่เหนือกว่า คือการใช้ AI ในทุกกระบวนการผลิต เริ่มตั้งแต่ ตรวจวัดความผิดปกติ นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการปลูกไม้ดอกควบคู่ผักเพื่อเพิ่มออกซิเจน และใช้กับดักแมลงแบบกาวเหนียวสองสี พร้อมเทคโนโลยีสายพานในการเพาะกล้า

 

ยุทธศาสตร์เกษตรจีน

 

พัฒนาวิจัย AI เกษตร จดลิขสิทธิ์จีน

 

อุปกรณ์ทั้งหมดภายในศูนย์ เชื่อมต่อกันผ่านเครือข่าย 5G สามารถควบคุมได้โดยตรงผ่านระบบควบคุมส่วนกลาง ทำให้สามารถทำงานอัตโนมัติได้เต็มรูปแบบตั้งแต่การหว่านเมล็ด จนถึงการเก็บเกี่ยว จึงช่วย ‘ลดการใช้แรงงาน’ ประหยัดน้ำและปุ๋ย เพิ่มผลผลิตพืชผลต่อหน่วยพื้นที่ได้อย่างมาก 

 

เมื่อถึงฤดูหนาวซินเจียงจะมีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -20 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าร้อนจะทะลุไปกว่า 32 องศาเซลเซียส 

 

แต่ระบบเหล่านี้จึงสามารถควบคุมพืขผักภายในศูนย์ให้เติบโตอย่างดี เนื่องจากระบบ AI จะควบคุมอุณหภูมิภายในเรือนกระจก ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพืชได้ ร่นระยะเวลารอบการเติบโตผักใบเขียวจาก 2 เดือน เหลือ 18 วัน นอกจากช่วยปรับปรุงคุณภาพของผักได้ ยังช่วยกำหนดเวลาชัดเจน

 

ยุทธศาสตร์เกษตรจีน

 

ความพิเศษของที่นี่ คือการผลิตผักใบเขียวมากกว่า 30 ชนิดรวมกันได้ 100 ตัน และมะเขือเทศ 70 ตันต่อปี โดยอุปกรณ์ที่ใช้ภายในศูนย์มากกว่า 90% ผลิตในประเทศจีน และที่สำคัญคือ “จดสิทธิบัตรมากกว่า 50 ฉบับ” ด้วยแรงหนุนของรัฐบาล ที่สำคัญรัฐบาลมุ่งส่งเสริมคนรุ่นใหม่ให้เข้ามามีบทบาท ซึ่งระหว่างการเดินทางจึงเห็นหนุ่มสาวจีนเข้ามาศึกษาค้นคว้าที่แห่งนี้ไม่น้อย 

 

รัฐบาลลงทุนสร้างโรงเรือน – รัฐวิสาหกิจ เกษตรกรเช่าที่ การันตีรายได้

 

หันมาดูฟากฝั่งปศุสัตว์ ซินเจียงมีฟาร์มโคนมขนาดใหญ่ Xinjiang Tianrun Dairy Co., Ltd. บนเส้นทางสายไหม ซึ่งเลี้ยงโคนมถึง 2 ล้านตัว ใช้เทคโนโลยีจากสวีเดนควบคุมกระบวนการผลิตน้ำนมให้ปลอดภัย มีการจัดเส้นทางเรียนรู้สำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน พร้อมโชว์รูมกระบวนการผลิตที่เปิดให้มองเห็นไลน์รีดนมได้ 

 

อีกหนึ่งโมเดลน่าสนใจคือ ฐานปลูกหนานซาน (Xiangzhiyuan Nanshan) ที่ใช้นวัตกรรม AI รัฐบาลจีนลงทุนสร้างโรงเรือนมาตรฐาน 100 หลัง และมีแผนขยายเป็น 500 หลัง เพื่อให้ประชาชนเช่าในราคาย่อมเยา ปีละ 10,000 หยวนต่อโรงเรือน (ประมาณ 50,000 บาท) โดยสามารถเพาะปลูกได้ถึง 3-4 รอบต่อปี สร้างรายได้เฉลี่ย 500,000-1,000,000 บาทต่อโรงเรือน และการันตีรายได้จากตลาดกลาง

 

ส่วนพื้นที่ท่องเที่ยว ต้าปาจา หรือ Grand Bazaar เป็นตลาดในร่มขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 39,888 ตารางกิโลเมตร สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 เป็นสถาปัตยกรรมแบบอิสลามทั้งหมด ภายในตลาดจะได้สัมผัสถึงกลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่นที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าพื้นเมือง ที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวอุยกูร์ ปัจจุบันที่นี่เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองทางการค้า ที่นับวันยิ่งดึงดูดนักธุรกิจเข้ามา

 

ยุทธศาสตร์เกษตรจีน

 

กรณีศึกษาเกษตรจีนสมัยใหม่ New Gen & Young Smart Farmer

 

ฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มองว่า จีนเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในด้าน “การเกษตรสมัยใหม่” การเกษตรขั้นสูง เช่น การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาควบคุมและตรวจสอบ เพื่อลดการเกิดโรค และเพิ่มผลผลิต นำเครื่องจักรอัจฉริยะช่วยทำการเกษตร ตั้งแต่การเพาะกล้า จนถึงเก็บเกี่ยว รวมทั้งงานวิจัยสมัยใหม่เพื่อพัฒนาพันธุ์พืช ได้ผลผลิตสูงขึ้น แต่ประหยัดต้นทุน เพราะใช้คนงานน้อย 

 

ธ.ก.ส.ต้องการสร้างเกษตรกรยุคใหม่ที่คุ้นกับการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม โดยได้ออก “สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์” สำหรับคนอายุ 50+ ที่ทำงานในเมืองเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพเกษตรกร เพื่อให้มีรายได้ ลดค่าใช้จ่ายยามเกษียน ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินทางการเกษตรสูงสุด 8 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ และยังกู้เพิ่มเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อทำเกษตรได้

 

ยุทธศาสตร์เกษตรจีน

 

“ภาคการเกษตรของไทยมีความท้าทายใหญ่ เรื่องอายุที่มากขึ้นของเกษตรกร และลูกหลานไม่ได้อยู่ในภาคเกษตร จึงเป็นอีกบทบาทหนึ่งของ ธ.ก.ส.ที่จะนำคนอีกกลุ่มใหม่เข้ามาในภาคการเกษตร ทั้งคนเมืองที่อายุ 50 ปีขึ้นไป และเกษตรรุ่นใหม่ ที่ได้เริ่มทำเกษตรอย่างจริงจังตั้งแต่ ม.4”

 

รวมทั้งสินเชื่อเพื่อเกษตรกรรุ่นใหม่ (New Gen & Young Smart Farmer) ที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่ที่อยากทำเกษตรเข้ามาทำเกษตรได้ง่ายขึ้น

 

“ระบบการศึกษาของไทย มุ่งเน้นในเด็กจบปริญญาตรี จบมาทำงานในเมืองเงินเดือน 15,000-20,000 บาทต่อเดือน หรือ 240,000 บาทต่อปี แต่หากทำการเกษตร 1 ปี 3 รอบการผลิต ได้รอบละ 80,000 บาท เท่ากับเงินที่ได้จากการทำงานในเมือง แต่การใช้จ่ายน้อยกว่า อีกทั้งยังมีเวลาอยู่กับครอบครัว มีเวลาพัฒนาผลผลิตให้มากขึ้น และผมมองว่า การเกษตรสมัยใหม่จะเป็นเครื่องมืองช่วยในการแปลงร่างและการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศ”

 

ยุทธศาสตร์เกษตรจีน

 

ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ทิ้งท้ายว่า ซินเจียงเป็นโมเดลที่น่าสนใจ ได้เห็นความท้าทายของธรรมชาติที่ซินเจียงสามารถนำเทคโนโลยี นวัตกรรมมาพัฒนาจากเป็นผู้นำเข้าสู่ผู้ผลิต 

 

เกษตรกรหัวขบวนและคณะที่ร่วมทริป ธ.ก.ส.ต่างสะท้อนเป็นเสียงเดียวกันว่า ก่อนมาไม่คาดคิดว่า ซินเจียงจะพัฒนาพื้นที่แห้งแล้งและหิมะมาได้ไกลกว่าที่คิด

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า สำหรับไทยแล้วที่มีจุดแข็งด้านเกษตร ทำไม ธ.ก.ส.จึงต้องเร่งเครื่อง นำคนอีกกลุ่มใหม่เข้ามาในอุตสาหกรรม คู่ขนานคนเมืองที่อายุ 50 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะหนุ่มสาวเกษตรรุ่นใหม่ที่เก่งในเรื่อง AI เข้ามาโลดแล่นในวงการเกษตรของไทย

 

ซินเจียงพัฒนา ‘ที่ดินทำกิน’ เป็นแปลงปลูกมาตรฐานสูง

 

ซินเจียง มีนโยบายพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกมาตรฐานสูงมาโดยตลอดรวม 20.84 ล้านไร่ คิดเป็น 47.39% ของที่ดินทำกินในภูมิภาค โดยรัฐบาลจัดสรรเงิน 2.07 พันล้านหยวน (ราว 1.04 หมื่นล้านบาท) เพื่ออุดหนุนการสร้างพื้นที่เพาะปลูกมาตรฐานสูง ปรับปรุงคุณภาพของพื้นที่เพาะปลูกทยอยพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกคุณภาพสูงตั้งแต่ปี 2023

 

เมื่อไม่นานมานี้ รัฐวิสาหกิจส่วนกลางของจีนทุ่มงบลงทุน 2.8 แสนล้านหยวน (ราว 1.31 ล้านล้านบาท) พัฒนาธุรกิจปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน พลังงานใหม่ และการขนส่ง เทคโนโลยี

 

ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ในปี 2024 ของซินเจียง สูงเกิน 2 ล้านล้านหยวน (ราว 9.34 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบปีต่อปี

 

วันนี้จึงได้เห็น ซินเจียง ในมุมใหม่ เพราะนับจากนี้ 2025 ที่รัฐบาลหมายมั่น พัฒนาสังคมและเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 70 ปี การก่อตั้งเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ อนาคตอาจเป็นเมืองสุดไฮเทคอีกแห่งหนึ่งของจีนในไม่ช้า 

 

ภาพ: wenyi liu, lupengyu, Stap : Getty image

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising