สำนักข่าว Reuters รายงานว่า หลายเมืองใหญ่ของจีนเผชิญกับอากาศร้อนระอุ จนทางการต้องประกาศเตือนภัยความร้อน ขณะที่กรุงปักกิ่งคาดว่าจะเจอกับอุณหภูมิสูงกว่า 36 องศาเซลเซียสในวันนี้ (15 พฤษภาคม) ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าคลื่นความร้อนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อไฟฟ้า พืชผล และเศรษฐกิจที่เปราะบางของประเทศ
จีนเผชิญกับคลื่นความร้อนในหลายพื้นที่ของประเทศตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อไม่นานมานี้ มณฑลยูนนานมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ทำให้ประชาชนหลายล้านครัวเรือนต้องเปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อบรรเทาความร้อน จนสร้างภาระหนักให้กับโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ
ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มณฑลซานตงและกรุงปักกิ่งได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับสภาพอากาศที่ร้อนจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ขณะเมืองที่มีประชากรหนาแน่น เช่น จี่หนาน เทียนจิน และเจิ้งโจว คาดว่าจะมีอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 37 องศาเซลเซียสในอีกไม่ช้า
กรมอุตุนิยมวิทยาของจีนเตือนภูมิภาคต่างๆ ให้เตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่คาดว่าจะร้อนหนักกว่าเดิมในปีนี้ โดยจีนเจอกับคลื่นความร้อนเกิดที่ขึ้นประปรายก่อนเข้าช่วงฤดูร้อน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลอย่างยิ่งสำหรับภาคเกษตรกรรม นอกจากนี้พืชผลที่เสียหายจากอากาศที่ร้อนจัดยังอาจทำให้ราคาอาหารปรับตัวขึ้น ซึ่งจะซ้ำเติมสถานการณ์เงินเฟ้อและสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจจีนที่กำลังพยายามฟื้นตัวจากช่วงโควิด
สำหรับมณฑลยูนนานซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนนั้น รายงานระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงวันที่ 20 เมษายน กลับมีปริมาณฝนเพียง 35 มิลลิเมตร ส่วนปริมาณฝนในเมืองคุนหมิงซึ่งเป็นเมืองเอกมณฑล มีปริมาณฝนไม่ถึง 8 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการเก็บสถิติมา
ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศกล่าวว่า ภาวะโลกรวนและภาวะโลกร้อนเป็นต้นเหตุที่ทำให้หลายประเทศเจอกับเหตุสภาพอากาศรุนแรงอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน โดยการประเมินล่าสุดขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) คาดการณ์ว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญมีโอกาสสูงที่จะกลับมาในปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้สภาพอากาศทั่วโลกร้อนขึ้นอีก จนหลายพื้นที่อาจเจอกับอุณหภูมิที่สูงทำลายสถิติ
ภาพ: Stringer / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: