สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ราคาบ้านสร้างใหม่ใน 52 จาก 70 เมืองใหญ่ของจีนปรับตัวลดลงในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่อุปสงค์ในการซื้อบ้านในเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเซินเจิ้น ก็พลิกกลับมาติดลบหลังจากที่ทรงตัวในเดือนก่อนหน้า ทำให้ภาพรวมยอดขายบ้านในช่วง 8 เดือนแรกติดลบ 1.5%
สถิติที่ออกมาสะท้อนถึงสถานการณ์ที่น่ากังวลของภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนที่ยังคงอยู่ แม้ว่าข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกในเดือนสิงหาคมจะปรับตัวดีขึ้นแล้วก็ตาม
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนสิงหาคมขยายตัวได้ 4.5% สูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 3.7% โดยเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการทำเหมือง ขณะที่ยอดค้าปลีกในเดือนสิงหาคมก็ขยายตัวได้ 4.6% ปรับตัวดีขึ้นจาก 2.5% ในเดือนกรกฎาคมเช่นกัน
ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า การบริโภคภายในประเทศของจีนเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในภาคอสังหายังคงต้องจับตาดูต่อไป โดยภาวะถดถอยของภาคอสังหาได้ส่งผลให้ภาพรวมการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของชาวจีนในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้เติบโตขึ้นเพียง 3.2%
Louise Loo นักเศรษฐศาสตร์ของ Oxford Economics ระบุว่า การฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในจีนยังมีความแตกต่างกันในภาคต่างๆ เช่น การบริโภคและการผลิตที่ขยายตัวได้ดีกว่าภาคอื่นๆ เช่น ภาคอสังหา อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาว่ามาตรการปรับลดการวางเงินดาวน์และปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของทางการจีนที่จะเริ่มมีผลในช่วงปลายเดือนนี้ จะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
Julian Evans-Pritchard นักเศรษฐศาสตร์ของ Capital Economics กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทผู้พัฒนาโครงการอสังหาในจีนกำลังมีมุมมองในเชิงลบต่อภาวะตลาดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้หลายบริษัทตัดสินใจชะลอการขึ้นโครงการใหม่ออกไปเพื่อรอดูความชัดเจนของมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ
“เราคาดว่าทางการจีนจะมีการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังแรงกดดันต่อเงินหยวนเริ่มผ่อนคลาย เรายังคาดหวังว่าจะได้เห็นการสนับสนุนเพิ่มเติมในส่วนของตลาดที่อยู่อาศัย หากเป็นเช่นนั้นจุดเลวร้ายที่สุดก็น่าจะผ่านไปได้” รายงานของ Capital Economics ระบุ
อ้างอิง: