×

สีจิ้นผิงตอกย้ำยุทธศาสตร์ส่งเสริมการค้า-ลงทุนเสรี มุ่งจัดระเบียบเศรษฐกิจโลก

10.04.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

1 Mins. Read
  • จีนประกาศนโยบายเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ โดยส่งเสริมให้บริษัทประกันภัยจากต่างประเทศเข้าถึงตลาดจีนได้มากขึ้น รวมถึงขยายขอบเขตการดำเนินงานให้กับสถาบันการเงินต่างชาติ และลดกำแพงภาษีรถยนต์นำเข้า ท่ามกลางบรรยากาศสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่กำลังคุกรุ่น
  • สีจิ้นผิงส่งสาสน์เตือนประเทศต่างๆ ว่าควรอยู่ในกระแสโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ เพราะผู้ที่สวนกระแสอาจอยู่ไม่รอด
  • อาจารย์จุฬาฯ มองว่าจีนจำเป็นต้องส่งเสริมการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างมั่นคง หลังจากที่ชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับทศวรรษก่อน

“โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจเป็นเทรนด์แห่งกาลเวลาที่หวนกลับคืนไม่ได้”

 

นี่คือคำกล่าวของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ซึ่งถอดความมาจากสุนทรพจน์ตอนหนึ่งบนเวทีประชุม ‘ป๋ออ้าว’ (Boao Forum) ในมณฑลไห่หนาน ความสำคัญของถ้อยแถลงนี้คือการตอกย้ำแผนยุทธศาสตร์ของจีนว่าจะเดินหน้าส่งเสริมการบูรณาการของประชาคมการค้าทั่วโลก โดยไม่ฝืนเทรนด์การค้าในยุคดิจิทัลอันเชี่ยวกราก แม้ว่าจะเกิดบรรยากาศอันคุกรุ่นของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนขึ้นก็ตาม

 

การกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญของสีจิ้นผิงมีขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังประหวั่นพรั่นพรึงถึงการขยายตัวของลัทธิปกป้องการค้า (Protectionism) ที่มีชนวนมาจากนโยบาย ‘อเมริกาต้องมาก่อน’ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่ผู้นำจีนใช้เวทีนี้นำเสนอตัวเองในฐานะหุ้นส่วนระดับโลกที่ยึดมั่นในกฎกติกาการค้าระหว่างประเทศ

 

บนเกาะรีสอร์ตทางตอนใต้ของจีน สีจิ้นผิงประกาศเจตนารมณ์อันแน่วแน่ว่าจีนจะเปิดประตูต้อนรับบริษัทและนักลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาดำเนินงานหรือลงทุนในจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งสวนกระแสนโยบายปกป้องการค้าของทรัมป์ที่มาพร้อมมาตรการจำกัดการลงทุนและกำแพงภาษี

 

 

สีจิ้นผิง ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่ 2 มาหมาดๆ ได้ใช้เวทีประชุมนี้ กางพิมพ์เขียวนโยบายเศรษฐกิจจีนให้โลกได้รับรู้ โดยเน้นย้ำยุทธศาสตร์การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมอภิมหาโครงการเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 หรือ ‘One Belt One Road’ ในดำริของสีจิ้นผิง

 

3 กลยุทธ์สำคัญที่เขาพูดถึงในที่ประชุมคือ เร่งกรุยทางให้บริษัทประกันภัยจากต่างประเทศเข้าถึงตลาดจีนได้มากขึ้น รวมถึงขยายขอบเขตการดำเนินงานให้กับสถาบันการเงินต่างชาติ และลดกำแพงภาษีรถยนต์นำเข้า ตลอดจนผ่อนปรนข้อจำกัดการเป็นเจ้าของกิจการในอุตสาหกรรมยานยนต์สำหรับบริษัทจากต่างประเทศ

 

อย่างที่ทราบกันว่าจีนมีกลไกควบคุมภาคการเงินที่เข้มงวดกวดขัน เพื่อป้องกันความผันผวนและความเสี่ยงเชิงระบบต่างๆ แต่การส่งสัญญาณผ่อนคลายกฎเหล็กต่างๆ จะสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุนยิ่งขึ้น

 

ที่ผ่านมาข้อจำกัดด้านการเป็นเจ้าของกิจการในบริษัทยวดยานของจีนได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่บีบให้ผู้ผลิตแบรนด์รถยนต์ชั้นนำของโลกต้องจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทท้องถิ่นจีน นอกจากนี้ความร่วมมือยังต้องแลกมาด้วยเงื่อนไขการแบ่งปันองค์ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัทจีนบางส่วนด้วย

 

อุปสรรคดังกล่าวทำให้ อีลอน มัสก์ ซีอีโอชื่อดังของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Tesla ต้องร้องขอให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ เพราะบริษัทของเขาประสบปัญหาในการผลิตรถยนต์ในจีน

 

แต่สาสน์จากผู้นำจีนอาจคลายความกังวลให้กับนักธุรกิจทั่วโลกได้ ด้วยนโยบายสนับสนุนการลงทุนอย่างเสรีในอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมถึงเดินหน้าลดอากรนำเข้าสำหรับรถยนต์จากต่างประเทศตั้งแต่ปีนี้ นอกจากนี้สีจิ้นผิงยังรับปากจะแก้ปัญหาเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องสำคัญที่สหรัฐฯ หยิบยกมาเป็นเงื่อนไขทางการค้า

 

เปิดศักราชใหม่สู่เศรษฐกิจที่เปิดกว้าง

ประมุขแดนมังกรให้คำมั่นว่า ประตูสู่เศรษฐกิจจีนที่แง้มไว้จะค่อยๆ เปิดกว้างมากขึ้น และประตูบานนี้จะไม่มีวันปิดใส่นักลงทุนและบริษัทภายนอกอย่างแน่นอน

 

สีจิ้นผิงยังใช้เวทีนี้กล่าวต่อผู้นำภาคธุรกิจและการเมืองว่า จีนไม่ได้พยายามเพิ่มยอดเกินดุลการค้ากับต่างประเทศ แต่ในทางกลับกันจีนคาดหวังที่จะนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น เพื่อให้คู่ค้าได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากจีนเช่นกัน

 

“ในโลกที่ต่างก็แสวงหาสันติภาพและการพัฒนา ความคิดที่จะก่อสงครามเย็นและทฤษฎีผู้ชนะกินรวบทั้งกระดานเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไปแล้ว” สีกล่าว

 

“ผู้ที่พยายามสวนกระแสการพัฒนาของโลก ท้ายที่สุดจะไปไม่ถึงไหน”

 

 

ความจำเป็นในการส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจที่เปิดกว้างของจีน

ผศ.ดร.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ทัศนะกับสำนักข่าว THE STANDARD ว่า ปัจจุบันถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพราะความชอบธรรมหนึ่งเดียวของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเวลานี้คือการที่พวกเขาสามารถบริหารเศรษฐกิจให้เติบโตในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนได้ นอกจากนี้รัฐบาลยังทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจจีนในช่วงหลังมีการขยายตัวช้าลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับทศวรรษก่อนที่เคยเติบโตในอัตราเลข 2 หลัก

 

ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าผู้นำจีนพยายามผูกโยงเศรษฐกิจเข้ากับโครงการเส้นทางสายไหมในมิติต่างๆ เนื่องจากประเทศที่ตั้งอยู่ตามรายทางของโครงการ One Belt One Road จะเป็นช่องทางการค้าและการลงทุนที่สำคัญของจีน อีกทั้งเพิ่มโอกาสในการขยับขยายระบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างมั่นคง โดยโครงการดังกล่าวถือเป็นเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อสร้างความชอบธรรมในอำนาจให้กับคณะผู้นำจีนต่อไป

 

ท่ามกลางภูมิทัศน์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะ โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกมองเป็นผู้นำที่พยายามฝืนกระแสโลกาภิวัตน์ ขณะที่สีจิ้นผิงพยายามก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดระเบียบโลกแทนที่สหรัฐฯ

 

อย่างไรก็ตาม หนทางสู่การเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกของจีนยังคงทอดตัวอีกยาวไกล และยังไม่มีเครื่องการันตีว่าโครงการเส้นทางสายไหมจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขณะที่จีนกำลังถูกกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ยังไม่นับรวมปัญหาความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมต่างๆ นานาที่อาจเป็นชนวนให้เกิดความไม่สงบขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่ทางออกสำหรับรัฐบาลจีนภายใต้บริบทในปัจจุบัน  

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X