จีนเผชิญกับบททดสอบด้านโควิดที่ใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่กรุงปักกิ่งพบผู้เสียชีวิตจากโควิดครั้งแรกในรอบ 6 เดือนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีทีท่าว่ายอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจทวีความรุนแรงขึ้น และบดบังความหวังที่ว่าจีนจะเริ่มใช้มาตรการผ่อนคลายเพื่อกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งในเร็ววันนี้
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนพบผู้เสียชีวิตจากโควิด 3 ราย หรือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ขณะที่วานนี้ (21 พฤศจิกายน) จีนรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ขณะผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 28,127 ราย ซึ่งเป็นยอดผู้ป่วยรายวันที่เกือบแตะที่ระดับสูงนับตั้งแต่ช่วงเมษายน โดยนครกว่างโจวและฉงชิ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อกระจุกตัวอยู่มากที่สุด
ในวันนี้ (22 พฤศจิกายน) กรุงปักกิ่งได้สั่งปิดสวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า และพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง ขณะที่หลายเมืองในประเทศได้ระดมทดสอบโควิดครั้งใหญ่ โดยสำหรับในกรุงปักกิ่งนั้น ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเรื่อยๆ ชนิดรายวัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบททดสอบที่สำคัญของจีน หลังจากที่รัฐบาลเพิ่งประกาศปรับกลยุทธ์ของนโยบาย Zero-COVID ซึ่งเน้นให้เจ้าหน้าที่กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการสกัดโรค และหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ และทำให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
นครเทียนจินซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงปักกิ่ง เป็นเมืองล่าสุดที่เพิ่งสั่งให้มีการตรวจเชื้อทั่วเมือง หลังจากที่นครฉือเจียจวงได้ประกาศใช้มาตรการเดียวกันไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
แม้จะปรับแนวทางรับมือกับโรคระบาดใหม่แล้ว แต่จีนก็ยังเป็นประเทศเดียวในโลกที่ใช้นโยบายสกัดโควิดที่เข้มงวด และปิดพรมแดนระหว่างประเทศมาเกือบ 3 ปีแล้ว การหวนกลับมาใช้มาตรการที่เข้มงวดในกรุงปักกิ่งและเมืองอื่นๆ ครั้งนี้ ได้ทำให้นักลงทุนเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นปิดปรับตัวลง รวมถึงราคาน้ำมันร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา
แฟ้มภาพ: CFOTO/Future Publishing via Getty Images
อ้างอิง:
