จีนเร่งยกระดับความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด ก่อนที่การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน ทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าจีนจะหวนกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้อีกครั้งหนึ่ง
โดยวานนี้ (9 ตุลาคม) จีนพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศ 1,878 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม โดยคาดว่าเป็นผลมาจากการที่ประชาชนเดินทางสัญจรไปยังเมืองต่างๆ ในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันชาติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเซี่ยงไฮ้มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 34 คน ซึ่งสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน
ด้านประชาชนในเซี่ยงไฮ้ต่างกำลังวิตกกังวลว่ารัฐบาลจะกลับมาใช้นโยบายคุมโควิดที่เข้มงวดอีก เพราะตอนนี้มีย่านชุมชนหลายแห่งในเซี่ยงไฮ้ที่ถูกล็อกดาวน์แล้ว เช่น ย่านฉางหนิง และย่านซูฮุ่ย และยังมีข่าวลือว่าจะปิดโรงเรียนชั่วคราวด้วย
สำหรับกรุงปักกิ่งซึ่งจะเป็นสถานที่จัดการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้น อยู่ในระหว่างเฝ้าระวังขั้นสูง หลังพบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 1 เดือน โดยเมืองหลวงของจีนได้ใช้มาตรการกักตัวที่เข้มงวด รวมถึงการทดสอบเชื้อในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับมาในพื้นที่
ส่วนเขตปกครองตนเองมองโกเลียในซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อคิดเป็นสัดส่วนกว่า 1 ใน 3 ของประเทศ ได้สั่งห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางเข้ามาในนครโฮฮอต เมืองเอกของมองโกเลียใน โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (10 ตุลาคม) เป็นต้นไป ขณะที่ทางการได้ขอให้ประชาชนที่เตรียมเดินทางกลับมาในพื้นที่นี้ชะลอแผนเดินทางของตัวเองไปก่อน จนกว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักที่จะสกัดการระบาดของโควิดให้สำเร็จ เนื่องจากการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเตรียมจะเปิดฉากขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว ซึ่งคาดการณ์กันว่าการประชุมครั้งนี้จะปูทางให้ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ครองตำแหน่งผู้นำต่อเป็นสมัยที่ 3 โดยนโยบาย Zero-COVID ถือเป็นรากฐานสำคัญในการควบคุมโรคที่สีจิ้นผิงยืนยันหนักแน่นมาตลอด แม้ว่าจะแลกมาด้วยความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจที่หนักหน่วงก็ตาม
แฟ้มภาพ: CFOTO / Future Publishing via Getty Images
อ้างอิง:
