วานนี้ (28 พฤศจิกายน) ประธานาธิบดียุนซอกยอลแห่งเกาหลีใต้ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters ว่า จีนมีความรับผิดชอบและมีอิทธิพลมากพอที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของเกาหลีเหนือ พร้อมเรียกร้องให้จีนออกโรงห้ามปรามเกาหลีเหนือไม่ให้พัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์
“สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือจีนมีความสามารถในการชักจูงเกาหลีเหนือ และจีนมีความรับผิดชอบในกระบวนการนี้” ยุนกล่าว โดยระบุว่าประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับจีนว่าจะตัดสินใจใช้อิทธิพลดังกล่าวเพื่อสร้างสันติภาพและเสถียรภาพหรือไม่ เนื่องจากปัจจุบัน การกระทำของเกาหลีเหนือนั้นทำให้ชาติต่างๆ ในเอเชียต้องเร่งยกระดับงบประมาณด้านการกลาโหม รวมถึงญี่ปุ่น และทำให้สหรัฐอเมริกาต้องส่งเครื่องบินและเรือเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น
ท่ามกลางการทดสอบขีปนาวุธอย่างหนักหน่วงเป็นประวัติการณ์ตลอดปีนี้ คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือได้กล่าววานนี้ (28 พฤศจิกายน) ว่า เกาหลีเหนือตั้งใจที่จะสร้างกองกำลังนิวเคลียร์ที่ทรงพลังมากที่สุด ขณะที่ฝั่งของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เตือนว่า เกาหลีเหนืออาจจะกลับมาทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017
โดยในการประชุมกลุ่ม G20 ซึ่งจัดขึ้นที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซียก่อนหน้านี้ ยุนได้กดดันให้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงดำเนินการมากขึ้นเพื่อลดระดับการกระทำที่ยั่วยุของเกาหลีเหนือ ขณะที่สีจิ้นผิงเรียกร้องให้เกาหลีใต้สานสัมพันธ์อันดีกับฝ่ายเกาหลีเหนือด้วยตนเอง
ทั้งนี้ ก่อนหน้าการประชุม G20 จะเปิดฉากขึ้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ได้กล่าวกับสีจิ้นผิงว่า จีนมีภาระหน้าที่ที่จะต้องเจรจากับเกาหลีเหนือให้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 7 ของประเทศ ขณะที่ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของไบเดนกล่าวก่อนการประชุมของทั้งสองผู้นำว่า ไบเดนเตรียมกล่าวเตือนสีจิ้นผิงว่า การที่เกาหลีเหนือเดินหน้าทดสอบอาวุธอาจทำให้สหรัฐฯ ต้องเพิ่มกำลังทหารในภูมิภาค ซึ่งเป็นสิ่งที่จีนไม่อยากให้เกิดขึ้น
นักข่าวของ Reuters ได้ถามต่อไปว่า เกาหลีใต้และชาติพันธมิตรจะดำเนินการอย่างไร หากเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์รอบใหม่ ซึ่งยุนได้ให้คำมั่นว่า เกาหลีใต้จะตอบโต้ด้วยกลยุทธ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าจะทำสิ่งใด
“เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดอย่างยิ่งหากเกาหลีเหนือจะทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 7” ยุนกล่าว
แฟ้มภาพ: JEON HEON-KYUN / POOL / AFP
อ้างอิง: