มีหลายหลากเหตุผลที่แฟนฟุตบอลไทยจำนวนมากจะรักการคว้าแชมป์ไทยลีกของทีม ‘กว่างโซ้งมหาภัย’ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ครับ
แน่นอนว่ามันเป็นชัยชนะที่ได้มาในเงื่อนไขที่ยาก และยากจนแทบไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้
แน่นอนว่ามันเป็นชัยชนะที่ได้มาจากสถานการณ์ที่หลายอย่างดูจะไม่เป็นใจ โดยเฉพาะหลังคู่แข่งที่เป็นแชมป์เก่าและเก๋าสุดๆ อย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถเปิดบ้านเอาชนะการท่าเรือ เอฟซี ได้แบบที่แฟนบอลจำนวนไม่น้อยที่ได้เห็นเกมนี้มีแฮชแท็กในใจว่า #อิหยังวะ
และแน่นอนว่ามันเป็นชัยชนะที่ได้มาเพราะมีคนหยิบยื่นให้ ซึ่งคนที่หยิบยื่นมาก็ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นทีมเมืองพี่เมืองน้องอย่างเชียงใหม่ เอฟซี และคนที่เป็นฮีโร่ก็คือ ไคเก เลเมส กองหน้าที่ทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ให้ยืมตัวไป
ทีมที่ตกชั้นไปแล้วอย่างเชียงใหม่ เอฟซี กลายเป็นทีมที่หยุดไม่ให้บุรีรัมย์ ผู้ (ถูกมองว่า) หยิ่งผยอง (จากการปฏิเสธจะรับถ้วยแชมป์ในเกมนี้) ได้ฉลองแชมป์ไทยลีกอีกสมัยของพวกเขา ส่งมอบให้เชียงราย ยูไนเต็ด ทีมที่สู้ทุกอย่างเท่าที่มี และได้แชมป์ไปด้วยกฎ Head-to-head
มันเป็นพล็อตลูกหนังโรแมนติกที่สามารถเก็บไปเล่าได้อีกหลายสิบปี
โดยเฉพาะเหล่าผู้คนที่อยู่ในสนามวันนั้น เชื่อว่าพวกเขาต่างมีความทรงจำที่หลากหลายและสวยงามแตกต่างกันออกไป
แต่ในเรื่องราวที่สวยงามนั้น ลึกๆ แล้วมันประกอบไปด้วยเหตุผลและการกระทำมากมายครับ กว่าที่เชียงราย ยูไนเต็ด สโมสรที่เพิ่งจะก่อตั้งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จากทีมที่ลงสนามนัดแรกด้วยจำนวนผู้ชมเพียงแค่หลักร้อยคนจนกลายมาเป็นทีมอันดับหนึ่งของประเทศ
มันมีทั้งรอยยิ้มและน้ำตาในระหว่างการเดินทาง ซึ่งจะให้เล่าตรงนี้ทั้งหมดอาจจะยาวและใช้เวลานาน
เอาเป็นว่าผมลองมองถึงสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากแชมป์ที่เป็นเหมือนเทพนิยายครั้งนี้ ซึ่งผมคิดว่านำไปปรับใช้ได้กับหลายอย่างครับ
1. เป็นเจ้าของต้องมีใจ
สโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด จะไม่มีวันนี้เลยถ้าพวกเขาไม่มีเจ้าของสโมสรที่บ้าคลั่งในเกมฟุตบอล
ถึงภาพภายนอกจะมองว่าธุรกิจ (ใช่ครับ ฟุตบอลคือธุรกิจ!) การเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลนั้นเป็นธุรกิจที่ดูดี ได้แต่งตัวหล่อๆ สวยๆ มายืนในสนามบ้าง ข้างสนามบ้าง ได้มีข่าวหรือภาพข่าวออกตามสื่อ เป็นการประชาสัมพันธ์ตัวเองได้อย่างแนบเนียน แต่ในเนื้อแท้แล้วการบริหารสโมสรฟุตบอลนั้นไม่ง่าย
มันเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ในแบบที่เราอาจจะคาดไม่ถึง
และการจะบริหารสโมสรได้นั้นต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล ใครกระเป๋าไม่หนักพอหรือใจไม่ถึงพอก็ยากจะประสบความสำเร็จได้
สำหรับสโมสรฟุตบอลในไทย ต้องยอมรับว่ากลุ่มคนที่สำคัญที่สุดคือนายทุนของสโมสร ซึ่งเป็นคนที่ชี้เป็นชี้ตายให้กับทีมได้ และโชคดีสำหรับทีมกว่างโซ้งที่พวกเขาได้เจ้าของสโมสรที่มีคุณสมบัติของการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลที่ดีครบ
นอกจากจะมีทุน มีสายสัมพันธ์กับองค์กรธุรกิจ เป็นที่รู้จักในสังคม มีวิสัยทัศน์ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
พวกเขายังมีคุณสมบัติที่พิเศษมากที่สุดคือการเป็นคนท้องถิ่น
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น มิตติ ติยะไพรัช หรือปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช พวกเขาถือว่าสโมสรฟุตบอลแห่งนี้สำคัญ
ไม่ใช่เฉพาะแค่สำคัญกับตัวเองหรือครอบครัว แต่สำคัญต่อ ‘คนเจียงฮาย’ ทุกคน
ความมุ่งมั่นทุ่มเทนี้จึงถูกส่งต่อไปถึงทีมงานทุกคน ตั้งแต่ระดับผู้บริหารถึงสตาฟฟ์โค้ชและนักฟุตบอล ทุกเกมที่ลงแข่งขัน พวกเขามีเดิมพันถึงความสุขของคนทั้งจังหวัดด้วย
เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรจาก เนวิน ชิดชอบ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงจังหวัดบุรีรัมย์บ้านเกิดที่รักให้กลายเป็นเมืองที่มีความสำคัญระดับประเทศ ซึ่งทำได้จริงและกลายเป็นหมุดหมายสำคัญระดับโลกไปแล้ว
ดังนั้นหากสโมสรที่จะประสบความสำเร็จอย่างจริงจังได้ สิ่งสำคัญลำดับต้นๆ คือคนบริหารต้องมีใจกับสโมสรและเกมฟุตบอลก่อน
ถ้ามีอย่างแรกแล้ว เดี๋ยวอย่างอื่นก็ตามมาเอง
2. ความล้มเหลวคือครูที่ดีที่สุด
ถึงจะเป็นสโมสรที่ถือว่ามีทุนรอนพอสมควร แต่เชียงราย ยูไนเต็ด ก็เจ็บมาเยอะ
โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่แล้วที่พวกเขาตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตัก กวาดผู้เล่นระดับบิ๊กเนมเข้ามาร่วมทีม (ผมยังจำวันที่เชียงรายประกาศคว้าตัวโค้ชที่ดีและมีเคมีเข้ากับสโมสรอย่าง อเล็กซานเดร กามา เรียกว่าเคยถึงขั้นเป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ไทยลีกมาแล้ว
แต่เงินไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง การคว้าแชมป์รายการที่ยากที่สุดอย่างการแข่งขันลีกมันมีองค์ประกอบที่หลากหลายและไม่ง่ายขนาดนั้น
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เชียงรายได้จากการทุ่มทุนสร้างคือการได้แชมป์รายการฟุตบอลถ้วย และการค้นพบคำตอบบางอย่างที่ทำให้พวกเขารู้ว่าบางครั้งความสำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินกรุยทางเสมอไป
เดิมเชียงราย ยูไนเต็ด ในปี 2019 ถูกมองข้าม เพราะพวกเขาตัดสินใจลดขนาดทีม ลดงบประมาณในการทำทีม ลดเพดานค่าเหนื่อย โดยมีการปล่อยผู้เล่นคนสำคัญออกจากทีมหลายราย ส่วนนักเตะใหม่ที่ซื้อเข้ามาก็เป็นของที่ถูกมองว่าเป็นเกรดรองที่ด้อยกว่า
ซ้ำยังมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งโค้ชก่อนเริ่มฤดูกาลด้วยการปลด บอร์จีส ออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้ง ไอล์ตัน ขึ้นมาคุมทีมแทน
แต่มันกลับกลายเป็นการตัดสินใจที่ถูกและดีอย่างเหลือเชื่อ
ในวงเล็บว่ามันเกิดขึ้นได้ เพราะพวกเขาเรียนรู้จากบทเรียน และได้คำตอบว่าสิ่งที่สำคัญกว่าบุคคลคือระบบ
ระบบถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เหลือแค่หาคนที่ตอบโจทย์ได้ใช่ที่สุด (เท่าที่จะหาได้) มาใช้งาน ดังนั้นต่อให้ต้องปล่อยสตาร์ออกจากทีมไป ก็เพียงหาคนที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันมาทำหน้าที่แทน เรื่องนี้เชียงราย ยูไนเต็ด ทำได้ดีมากในปีนี้
เรื่องเหล่านี้เหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่าย สโมสรระดับโลกหลายแห่งก็ยังทำไม่ได้
หนึ่งในนั้นคือสโมสรที่มีนามสกุลว่า ยูไนเต็ด เหมือนกัน
3. นักเตะไทย (ก็) ทำได้
หนึ่งในเรื่องที่เป็นคำถามที่น่าสนใจที่สุดของลีกฟุตบอลไทยคือการที่สโมสรต่างๆ ทุกแห่งเลือกนักฟุตบอลที่เป็น ‘แกน’ (Core) ของทีมเป็นนักเตะต่างชาติเกือบทั้งหมด
ตำแหน่งดังกล่าวไล่ไปตั้งแต่ผู้รักษาประตู กองหลังตัวกลาง กองกลาง และศูนย์หน้า
ไม่เชื่อลองดูในทำเนียบดาวซัลโวของไทยลีกปี 2019 ดูแล้วบางทีก็อดคิดไม่ได้ว่านี่มันเป็นลีกบราซิลหรือลีกในลาตินอเมริกาที่ไหนสักประเทศ
เหตุผลนั้นพอเข้าใจได้ครับ เพราะนักฟุตบอลต่างชาติความสามารถสูงกว่า การันตีความสำเร็จได้มากกว่า (และแน่นอนว่าง่ายกว่า!) บางครั้งค่าเหนื่อยอาจจะสูง แต่ก็มีความคุ้มค่าที่จะเสี่ยง (ด้วยการเซ็นสัญญาระยะสั้น ต่อกันปีต่อปี ไม่พอใจก็หาเรื่องยกเลิกสัญญาทันที)
เรื่องนี้สมาคมฟุตบอลก็กังวลถึงขั้นมีการตั้งรางวัล Thais Strike Back เพื่อกระตุ้นฟอร์มนักเตะไทยให้สู้กับนักเตะต่างชาติให้ได้
อย่างไรก็ดี เชียงราย ยูไนเต็ด เป็นทีมหนึ่งที่ใช้นักฟุตบอลไทยเป็นหลักในทีมจนคว้าแชมป์ได้ ไม่ว่าจะเป็น พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, สุริยา สิงห์มุ้ย, ชัยวัฒน์ บุราณ, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, ชินภัทร ลีเอาะ, อภิรักษ์ วรวงศ์
รวมถึงสตาร์หมายเลขหนึ่งของทีมในเวลานี้อย่าง ‘เจ้าบุ๊ค’ เอกนิษฐ์ ปัญญา ซึ่งเป็นตัวจากอะคาเดมีของสโมสรที่ถูกดึงตัวกลับมาช่วยทีมในเลก 2 หลังปล่อยให้เชียงใหม่ เอฟซี ยืมไปใช้งานในเลกแรก ซึ่งทำผลงานได้ยอดเยี่ยม และเป็นนักเตะไทยที่ยิงได้เยอะที่สุดในลีกด้วย
นั่นแปลว่านักเตะไทยก็ไม่ได้ไร้ความสามารถอะไร และบางทีการใช้ผู้เล่นไทย โดยเฉพาะจากอะคาเดมีของสโมสรเอง ก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่ฟุ้งเฟ้อจนเกินตัวได้ด้วย
4. แฟนฟุตบอลคือรากของสโมสร
แม้จะไม่ใช่สโมสรที่มีฐานแฟนบอลกลุ่มใหญ่ที่สุด แต่เชียงราย ยูไนเต็ด คือหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีแฟนบอลเหนียวแน่น
ทีมกว่างโซ้งไม่ใช่เป็นแค่ทีมฟุตบอล แต่คือสมบัติของชาวเมือง และการไปเชียร์ฟุตบอลก็ไม่ใช่แค่กิจกรรมฆ่าเวลา แต่เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนเชียงราย
ยิ้มด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน เจ็บด้วยกัน
ในโมงยามของความสำเร็จกับชัยชนะที่ได้มาอย่างเหลือเชื่อ มันยิ่งทำให้ทุกอย่างมีคุณค่ามากกว่าเดิมอีก เพราะต่างก็เหนื่อยยากมาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอลหรือแฟนบอล
โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่มืดมนอนธการ เมื่อแฟนบอลจำนวนหนึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุระหว่างตามไปเชียร์ทีมรักที่บุรีรัมย์ แชมป์สมัยแรกของเชียงราย ยูไนเต็ด จึงมีความพิเศษจากสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนี้
นี่คือสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น และเป็นอีกหนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง
เพราะในโลกของเกมฟุตบอลแล้ว สิ่งที่เป็นรากฐานของสโมสรก็คือแฟนบอล เกมฟุตบอลที่ไม่มีแฟนบอลนั้นไม่มีความหมาย ดังนั้นสิ่งที่ทุกสโมสรต้องคิดถึงให้มากที่สุดคือแฟนบอลของตัวเอง
สโมสรอย่างเชียงราย ยูไนเต็ด ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นทีมขวัญใจมหาชน พวกเขาเริ่มจากการมีคนมาดูแค่ร้อยคน เปลี่ยนสนามแข่งขันมาแล้วหลายครั้ง ก่อนที่จะเปิดใช้สนามยูไนเต็ด สเตเดียม หรือปัจจุบันในชื่อสิงห์ สเตเดียม ซึ่งไม่ว่าจะไปที่ใด เหล่ากว่างโซ้งในชุดส้มก็พร้อมจะมาให้กำลังใจเสมอ
มีบ้างที่เจอช่วงเวลายากลำบากจนยอดแฟนบอลตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย แต่พวกเขาก็จับมือกันจนฝ่าฟันวิกฤตได้สำเร็จ
ในขณะที่สโมสรในไทยอีกหลายแห่งตัดสินใจถอนสมอ บ้างย้ายถิ่นฐาน บ้างยุบทีมหรือพักทีม ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ได้สนใจแฟนบอลที่เป็นดังรากของสโมสร
สุดท้ายมันไม่ได้เป็นผลดีต่อใครเลย โดยเฉพาะต่อวงการฟุตบอลของประเทศ
ทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนคร่าวๆ ที่เราได้เรียนรู้จากการคว้าแชมป์ไทยลีกของทีมกว่างโซ้งมหาภัย ซึ่งผมเชื่อว่าหากเราลองดูรายละเอียดอย่างลึกซึ้งจริงๆ ก็น่าจะมีบทเรียนอีกมากมายที่เราสามารถศึกษาจากยอดทีมแดนเหนือของไทยได้
ที่แน่ๆ การคว้าแชมป์ของพวกเขายังมีคุณูปการที่สำคัญมากต่อวงการฟุตบอลไทย เพราะสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ได้ช่วยโหมกระแสลูกหนังแดนสยามอีกแรง หลังจากที่มีประกายไฟแรกจากทีมชาติไทยในยุคของ อากิระ นิชิโนะ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
ฟุตบอลไทยยังไม่ตายง่ายๆ
เรื่องนี้น่าดีใจที่สุดครับ 🙂
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
- 23 ปีที่ผ่านมาของการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก มีทีมที่เป็นแชมป์ 12 ทีม
- ทีมที่ได้แชมป์มากที่สุดคือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์ 6 สมัย
- ย้อนหลังกลับไปนับตั้งแต่ปี 2552 มีเพียง เมืองทอง ยูไนเต็ด และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์ไทยลีกมาครองได้ (บุรีรัมย์ 6 สมัย, เมืองทองฯ 4 สมัย) ก่อนที่จะเป็นสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์มาครองในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ
- เชียงราย ยูไนเต็ด เคยเป็นทีมที่ไม่มีสนามของตัวเอง ต้องใช้สนามของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, สนาม อบจ. จังหวัดเชียงราย และเคยถึงขั้นต้องไปใช้สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี (ทั้งที่สโมสรคือเชียงราย!) ส่วนสนามเหย้าปัจจุบัน สิงห์ สเตเดียม เปิดใช้เมื่อปี 2560 มีความจุ 11,354 คน
- แชมป์ใหญ่รายการแรกที่สโมสรคว้าได้คือเอฟเอคัพในปี 2560 ก่อนจะได้แชมป์ลีกคัพในปี 2561 และแชมป์ลีกในปี 2562 ทำให้เป็นสโมสรที่ 2 ในไทยที่คว้าแชมป์รายการหลักได้ครบ 3 รายการต่อจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
- ชื่อเล่นภาษาอังกฤษของเชียงราย ยูไนเต็ด คือ ‘The Beetles’