บรรยากาศในช่วงเช้าของวันนี้ (19 มิถุนายน) ที่ทางเครือข่ายขอคืนผืนป่าได้จัดกิจกรรม ‘ปอยป่าแหว่ง’ ขึ้น โดยได้เริ่มตั้งขบวนแห่ ซึ่งมีพระสงฆ์, ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน, หน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมป่าไม้, กรมธนารักษ์, องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.), องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดอนแก้ว พร้อมด้วยนักเรียน นักศึกษา และประชาชน
ทั้งนี้ขบวนเริ่มเดินจากบริเวณอ่างเก็บน้ำแม่จอก ภายในโครงการชลประทานเชียงใหม่เดินเท้าผ่านแนวป่าเข้าสู่พื้นที่บ้านป่าแหว่งเป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
จากนั้นเมื่อเข้าสู่พื้นที่ พระสงฆ์ทำพิธีกรรมตามแบบล้านนา มีการขอขมาบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของดอยสุเทพ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกปักษ์รักษาผืนป่า พร้อมฟ้อนถวายสักการะ และการแสดงจากวงดนตรี บทเพลงเกี่ยวกับการเรียกร้องขอคืนป่าของภาคประชาชนตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่ผู้เข้าร่วมงานจะแยกย้ายไปปลูกต้นไม้ในบริเวณรอบๆ บ้านพักจำนวน 45 หลังที่ได้รับมอบคืน โดยกิจกรรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงานหลายร้อยคน
ธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เปิดเผยว่า วันนี้ต้องขอบคุณพี่น้องชาวเชียงใหม่ที่ได้มาร่วมกันปลูกป่าในกิจกรรม ‘ปอยป่าแหว่ง’ วันนี้ถือว่าเราได้คืนบ้านพัก 45 หลังอย่างเป็นทางการ เราจึงมาร่วมกันปลูกป่าให้หายแหว่ง เพราะพื้นที่ป่าดอยสุเทพผืนนี้สมควรที่จะเป็นพื้นป่าคู่เมืองเชียงใหม่ จึงอยากขอร้องให้หน่วยงานต่างๆ ที่ดูแลพื้นที่ อย่าให้มีโครงการเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
นอกจากนั้นส่วนของอาคารพักอาศัย 9 หลังที่ยังไม่ได้คืนนั้น ในวันที่ 7 กันยายน 2565 จะครบกำหนดการก่อสร้างศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่จังหวัดเชียงราย หวังว่าสำนักงานศาลจะคืนพื้นที่อาคาร 9 หลัง ตามมติของคณะกรรมการจังหวัด เพื่อให้เครือข่ายได้เข้าไปฟื้นฟู ปลูกป่าให้ต้นไม้ได้เติบโตกลบป่าแหว่ง และในอนาคตสิ่งก่อสร้างในพื้นที่แห่งนี้ก็ควรจะถูกรื้อออกไป ซึ่งขณะนี้กำลังหารือกันในข้อกฎหมาย เพื่อกลับมาเป็นพื้นป่าที่สมบูรณ์ในอนาคต ตามเจตนารมณ์ของเครือข่าย
ด้าน กรจักร ชูทิพย์ ธนารักษ์พื้นที่เชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของธนารักษ์ได้รับมอบคุรุภัณฑ์ของบ้านพักจำนวน 45 หลังเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการส่งมอบให้หน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ประโยชน์ เบื้องต้นได้ติดต่อไปยังหน่วยทหารในพื้นที่แล้ว แต่หากไม่มีหน่วยงานได้ประสงค์รับครุภัณฑ์ไปใช้ประโยชน์ก็จะดำเนินการจำหน่ายต่อไป
อย่างไรก็ตามในส่วนของอาคาร 9 หลังที่ขณะนี้ยังไม่ได้รับคืน ซึ่งหากมีการส่งมอบคืนให้กับทางธนารักษ์ก็จะสามารถดำเนินการได้ทันที ทั้งในส่วนตัวอาคารและคุรุภัณฑ์ทั้งหมด โดยจะปฏิบัติโดยยึดแนวทางเดียวกันกับการรับมอบบ้านพักและคุรุภัณฑ์จำนวน 45 หลัง ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
เรื่องและภาพ: พงศ์มนัส ทาศิริ
