เส้นตายวันศุกร์นี้! จับตา 3 กลุ่มทุนเตรียมยื่นข้อเสนอ ลุ้นเป็นเจ้าของใหม่เชลซี

ถึงแม้เชลซีจะสามารถเก็บชัยชนะได้ทั้ง 2 เกมที่ลงสนามในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก แต่สถานการณ์ภายในสโมสรยังคงระส่ำระสาย

โดยหลังจากที่รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจเด็ดขาดในการตอบโต้ต่อกลุ่ม Oligarch หรือมหาเศรษฐีผู้มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จนทำให้เกิดการสั่งอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของ โรมัน อบราโมวิช ในสหราชอาณาจักร สิ่งที่ทุกคนจับตามองคือจะมีทางออกอย่างไรให้กับเชลซีได้บ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของการหาเจ้าของสโมสรใหม่เพื่อปลดล็อกสภาวะที่ไม่ต่างจากการถูกจับพันธนาการไว้

ล่าสุด เริ่มมีความคืบหน้าที่น่าสนใจเกี่ยวกับการหาเจ้าของสโมสรรายใหม่ออกมาบ้างแล้ว

ตามรายงานจากสำนักข่าวชั้นนำของอังกฤษหลายแห่งยืนยันตรงกันว่ากระบวนการเฟ้นหาเจ้าของสโมสรรายใหม่กำลังเป็นไปอย่างเร่งรีบ โดย Raine Group (หลังจากนี้ขอเรียกสั้นๆ ว่า RG) ธนาคารที่ได้รับมอบหมายในการเฟ้นหาเจ้าของสโมสรใหม่จาก โรมัน อบราโมวิช (แม้ว่าอบราโมวิชจะหมดสิทธิ์ตัดสินใจใดๆ เพราะหลังจากนี้ทุกกระบวนการจะต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากรัฐบาลอังกฤษ) ได้รับข้อเสนอจากนักลงทุนทั้งบุคคลและกลุ่มมากกว่า 200 ข้อเสนอ

อย่างไรก็ดีทางด้าน RG ต้องการที่จะจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วที่สุด เนื่องจากเวลานี้สโมสรไม่สามารถรีรอได้แม้แต่น้อย เพราะเวลานี้รัฐบาลอังกฤษสั่งควบคุมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายเกมในบ้าน (ไม่เกิน 900,000 ปอนด์ เพิ่มจากเดิม 500,000 ปอนด์) เกมนอกบ้าน (20,000 ปอนด์ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาเพราะไม่เพียงพอ) อายัดบัตรเครดิตทำให้จะเติมน้ำมันให้รถบัสของสโมสรก็ไม่ได้

สิ่งที่ RG แจ้งต่อกลุ่มนักลงทุนทุกกลุ่มที่ยื่นข้อเสนอมาจึงชัดเจน “หากคิดว่ามีเงินมากพอก็ขอให้แสดงหลักฐานให้เห็นภายในวันศุกร์นี้”

หรือพูดง่ายๆ คือวันศุกร์นี้ (18 มีนาคม) จะเป็น ‘เส้นตาย’ สำหรับการยื่นข้อเสนอของกลุ่มทุนต่างๆ โดยหากไม่สามารถสำแดงหลักฐานทางกฎหมายให้เห็นได้ว่ามีเงินมากพอสำหรับการเทกโอเวอร์และการบริหารกิจการของสโมสรหลังจากนี้ข้อเสนอจะเป็นอันตกไป

ส่วนกลุ่มทุนใดที่น่าจับตามองมีดังนี้

1. ทอดด์ โบห์ลี – โจนาธาน โกลด์สตีน

กลุ่มทุนที่ถูกคาดว่าเป็นเต็งหนึ่งสำหรับการซื้อทีมเชลซีครั้งนี้คือการจับมือกันของ ทอดด์ โบห์ลี มหาเศรษฐีชาวอเมริกันผู้เป็นเจ้าของทีมเบสบอล แอลเอ ดอดเจอร์ส ซึ่งจับคู่กับทางด้าน โจนาธาน โกลด์สตีน มหาเศรษฐีเจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษ

โดยโบห์ลีนั้นมีความต้องการที่จะลงทุนซื้อเชลซีตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพียงแต่ข้อเสนอทุกครั้งไม่ได้รับการตอบสนองจากอบราโมวิช

แต่เมื่อเศรษฐีชาวรัสเซียจำเป็นต้องขายสโมสรจึงได้ติดต่อโบห์ลี ร่วมกับ ฮันส์ยอร์ก วิสส์ มหาเศรษฐีชาวสวิตเซอร์แลนด์ เป็น 1 ใน 3 กลุ่มทุนแรกที่ได้รับการทาบทามจากเชลซี ซึ่งเจ้าของทีมดอดเจอร์สพร้อมสำหรับการเจรจาทันที โดยนอกจากจะจับมือกับวิสส์แล้วยังชวนโกลด์สตีนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วย

The Times เชื่อว่ากลุ่มนี้มีความพร้อมมากที่สุด เพียงแต่ตัวเลขข้อเสนอก่อนหน้านี้ที่ 2 พันล้านปอนด์อาจจะห่างจากตัวเลขที่เชลซีและ RG ต้องการที่ 3 พันล้านปอนด์

2. ซาอุดี มีเดีย กรุ๊ป

สำหรับกลุ่มต่อมาที่สร้างความฮือฮาเมื่อวันจันทร์ (14 มีนาคม) ที่ผ่านมาคือ ซาอุดี มีเดีย กรุป (Saudi Media Group) ซึ่งแม้จะมาจากซาอุดีอาระเบียแต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือราชวงศ์เหมือนกรณีของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดแต่อย่างใด

โดยตามรายงานข่าว The Guardian ระบุว่ากลุ่มนี้ที่นำโดย โมฮัมเหม็ด อัล-เคเรจี นักธุรกิจซึ่งเป็นแฟนตัวยงของเชลซีได้ยื่นข้อเสนอเป็นจำนวน 2.7 พันล้านปอนด์ ซึ่งหากมองในแง่ของตัวเลขและการที่ผู้นำเป็นแฟนฟุตบอลด้วยแล้วทำให้ดูน่าสนใจไม่น้อย

เพียงแต่สื่ออังกฤษคาดว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบันการจะหาเจ้าของใหม่ที่มาจากซาอุดีอาระเบียเพื่อแทนที่เจ้าของชาวรัสเซียอาจจะเป็นสิ่งที่ตอบคำถามสังคมได้ยาก ทำให้มองว่าโอกาสของกลุ่มนี้มีไม่มาก

3. นิก แคนดี

ในเรื่องของภาพลักษณ์แล้วนี่อาจจะเป็นเจ้าของสโมสรที่แฟนเชลซีต้องการ เพราะ นิก แคนดี มหาเศรษฐีจากการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นแฟนตัวยงของทีมสิงห์บลูส์ที่แสดงตัวอย่างชัดเจนว่าอยากจะเข้ามากอบกู้สโมสรจากวิกฤตครั้งนี้ อีกทั้งยังเสนอแนวคิดในการให้มีแฟนฟุตบอลเข้ามาเป็นบอร์ดบริหารของสโมสรด้วย (นัดล่าสุดก็ไปนั่งชมเกมที่สนามร่วมกับแฟนบอลทั่วไป)

แต่ปัญหาคือระยะเวลาที่มีจำกัดในการหาพันธมิตรที่จะมาร่วมลงทุนด้วยทำให้แคนดีอาจจะไม่สามารถยื่นข้อเสนอให้แก่ RG ได้ทันเวลา

อย่างไรก็ดี เจ้าตัวเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า “ผมรักเชลซี ผมไม่แคร์ว่าใครจะได้ไป ขอแค่สุดท้ายให้อยู่ในมือคนที่ดีก็พอ”

นอกเหนือจากนี้ยังเชื่อว่าน่าจะมีข้อเสนออื่นๆ เข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งกระบวนการพิจารณาหลังจากนี้ทางด้าน RG จะพิจารณาร่วมกับพรีเมียร์ลีกและรัฐบาลอังกฤษในการหาเจ้าของสโมสรใหม่ที่มีความเหมาะสมกับเชลซีให้ได้โดยเร็วที่สุด

โดยที่ ริชาร์ด มาสเตอร์ส ประธานพรีเมียร์ลีกเคยระบุเอาไว้ว่า อย่างเร็วที่สุดกระบวนการซื้อขายอาจเสร็จสิ้นได้เร็วที่สุดภายในระยะ 10 วัน ซึ่งทุกฝ่ายหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเรื่องนี้ยิ่งจบไวเท่าไรก็ยิ่งดี แต่ในความเป็นจริงกระบวนการอาจจะใช้เวลามากกว่านั้นมากก็เป็นไปได้เหมือนกัน

ส่วนปัญหาของอนาคตในเรื่องการปรับโครงสร้างทีม การย้ายเข้าและออกของนักฟุตบอล และอื่นๆ เอาไว้ค่อยคิดถึงอีกที

อ้างอิง: