กลายเป็นข่าวช็อกในชั่วพริบตาของแฟนบอลทั้งโลก เมื่อสโมสรฟุตบอลเชลซีออกแถลงการณ์ปลด โธมัส ทูเคิล พ้นตำแหน่งผู้จัดการทีม หลังต้นฤดูกาลพาทีมออกสตาร์ททำผลงานได้ไม่สู้ดีนัก บวกกับฟางเส้นสุดท้ายคือการพาเชลซีบุกไปปราชัยต่อดินาโม ซาเกร็บ 0-1 เมื่อคืนที่ผ่านมา
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเชลซีฤดูกาลนี้ชวนให้ตั้งคำถามกันหนักพอสมควรว่า เกิดอะไรขึ้นกับเชลซี อะไรคือสิ่งที่ทำให้ทีมแชมป์สโมสรโลกทีมล่าสุดกลายเป็นทีมที่เอาแน่เอานอนกับผลการแข่งขันไม่ได้อย่างในวันนี้ และอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ทูเคิลกลายเป็นกุนซือคนล่าสุดที่ต้องเก็บข้าวของออกจากสแตมฟอร์ดบริดจ์
จุดเริ่มต้นฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนผ่าน
ฤดูกาล 2022/23 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านของเชลซีอย่างแท้จริง หลังจากทีมต้องเปลี่ยนเจ้าของสโมสรจากพิษสงครามรัสเซียบุกยูเครน เดิมอยู่ในมือ โรมัน อบราโมวิช เปลี่ยนมาเป็น ทอดด์ โบห์ลี ขึ้นมากุมอำนาจ พร้อมเปลี่ยนถ่ายผู้บริหารหลายตำแหน่งภายในทีม
แต่หากเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องผู้บริหารมาเทียบกับผลงานที่เกิดขึ้นบนสนามในช่วงต้นฤดูกาลแบบนี้อาจจะไม่ถูกต้องนัก เพราะทูเคิล ซึ่งตอนนี้กลายเป็นอดีตผู้จัดการทีมเชลซีแล้ว สามารถเลือกช้อปนักเตะในตลาดหน้าร้อนได้ดั่งใจหวังสมัยที่เขายังคุมทีม โดยมีโบห์ลีเดินถือกระเป๋าเงินพร้อมจ่ายให้ตามที่ทูเคิลต้องการ
ตลาดนักเตะหน้าร้อนเชลซีใช้เงินไปประมาณ 273 ล้านปอนด์ สูงที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดยได้นักเตะชั้นดีมาร่วมทัพมากมาย เช่น ราฮีม สเตอร์ลิง, คาลิดู คูลิบาลี, มาร์ก กูกูเรยา, เวสลีย์ โฟฟานา รวมถึง ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง ที่ได้มาช่วงเดดไลน์วันปิดตลาด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับฟอร์มการเล่นที่เกิดขึ้นในช่วง 7 นัดที่ผ่านมา ผลการแข่งขันที่ได้รับดูจะสวนทางกับเม็ดเงินที่ลงทุนไปพอสมควร ด้วยผลงาน ชนะ 3, เสมอ 1, แพ้ 3 และยิง 8 ประตู เสีย 10 ประตู
ความไม่สม่ำเสมอของฟอร์มการเล่นในภาพรวมที่เกิดขึ้นกับทีม กลายเป็นภาพชินตาของบรรดาแฟนบอลที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดกับทีมรัก เมื่อจู่ๆ เชลซีก็กลายเป็นทีมขาดสมดุลในการเล่นฟุตบอลไปเสียดื้อๆ
ทั้งนี้ เมื่อย้อนไปดูผลงานท้ายฤดูกาลก่อน (2021/22) ความไม่สม่ำเสมอนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีสะดุดในลีกจนทำให้การจบท็อปโฟร์ดำเนินไปด้วยความทุลักทุเล ตกรอบยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และพลาดคว้าแชมป์เอฟเอคัพ หลังแพ้การดวลจุดโทษกับลิเวอร์พูล
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับทีมขณะนั้น ทูเคิลในฐานะผู้จัดการทีมย่อมรู้ดีว่าต้องแก้-เสริมจุดไหน ซึ่งก็มีเวลาช่วงพักฤดูกาลในการเตรียมทีมพอสมควร ทว่าเมื่อพรีเมียร์ลีกรูดม่านเปิดฉากฟาดฟัน เชลซีกลายเป็นทีมที่ฟอร์มหลุดที่สุดในบรรดาทีม ‘Big Six’ และคำถามคือ…ปัญหาอยู่ที่ตรงไหน
ผ่าทีมพิสูจน์ปัญหา
เชลซีในการดูแลของทูเคิล ฤดูกาลนี้ยังคงยึดมั่นในตำแหน่งเดิมคือ 3-5-2 ที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มเข้ามารับตำแหน่ง และทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด
เริ่มที่ตำแหน่งกองหลัง จากผลงานลงเล่น 7 นัด เสีย 10 ประตู (แม้บางลูกจะมีชื่อของนายประตู เอดูอาร์ เมนดี เป็นผู้รับผิดชอบจากความผิดพลาดส่วนตัวอยู่บ้าง) ในภาพรวมที่เห็นได้ชัดเจนคือ การประสานงานของนักเตะเก่า-ใหม่ยังมีปัญหาในการสื่อสาร และขาดความไม่แน่นอนสูง ทำให้พร้อมโดนลงโทษจากคู่แข่งตลอดเวลา
อีกทั้งการมาของคูลิบาลีกับโฟฟานา ตอนนี้ยังไม่สามารถทดแทนการขาดหายไปของ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ในแง่ความเร็วและความเด็ดขาดในการเข้าสกัดเกมรุกของคู่แข่ง นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เชลซียังมีข่าวกับเซ็นเตอร์แบ็กของแอร์เบ ไลป์ซิก อย่าง ยอสโก กวาร์ดิโอล แม้ว่าจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนในช่วงตลาดรอบที่ผ่านมา
ขยับขึ้นมาที่แผงกองกลาง การขาดหายไปของมิดฟิลด์ตัวขยันของทีมอย่าง เอ็นโกโล ก็องเต ส่งผลกระทบกับทีมอย่างมหาศาล ตั้งแต่สปีดบอลที่ตกลง การไล่บี้แย่งบอลในแดนกลาง ไปจนถึงการเชื่อมเกมรุกให้ทีม คือสิ่งที่เลือนหายไปพร้อมกับมิดฟิลด์ ‘เดอะแบก’ ที่ดีที่สุดในโลกยุคนี้
แม้ทูเคิลจะพยายามใช้วัตถุดิบที่มีในมืออย่าง รูเบน ลอฟตัส-ชีค, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ผสมกับจอร์จินโญ และ มาเตโอ โควาซิช หรือ เมสัน เมาท์ ก็ดูจะไม่มีความกลมกล่อมเท่าที่ควร ทำให้หลายนัด ไอเดียการเล่นบอลจากแดนกลางที่เคยเป็นจุดแข็งของทีม วันนี้กลายเป็นการเล่นที่ไม่สามารถฝากความหวังได้เลย
โดยเฉพาะในรายของกัลลาเกอร์ ที่ตอนนี้ยังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งเหมือนช่วงไปยืมตัวกับคริสตัล พาเลซ ฤดูกาลก่อนได้ทันที การเร่งจังหวะการเล่นของตัวเองมากเกินไปคือสิ่งที่ผิดปกติอย่างมาก และการโดนใบแดงไล่ออกในเกมกับเลสเตอร์ ซิตี้ อาจแสดงให้เห็นว่าแข้งวัย 22 ปีกำลังกดดันตัวเองเป็นพิเศษ
และอีกจุดที่เป็นปัญหาสำคัญคือแดนหน้า ในส่วนนี้คือตำแหน่งที่ทูเคิลถูกวิจารณ์มากที่สุด ในแง่การปรับการยืนตำแหน่งของนักเตะอย่างสเตอร์ลิงยืนเป็นกองหน้า หรือจับ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ยืนเป็น False 9 ที่แม้นักเตะจะสามารถช่วยกันทำ 4 จาก 8 ประตู (อีก 4 มาจากกองหลังและกองกลาง) แต่ในภาพรวมนั่นไม่ใช่ประสิทธิภาพสูงสุดที่นักเตะทำได้ อีกทั้งการลงเล่นของโอบาเมยองในเกมประเดิมสนามที่พ่ายดินาโม ซาเกร็บ ยังเป็นข้อพิสูจน์ว่ากองหน้าวัย 33 ปียังต้องการเวลาปรับตัวกับทีมมากกว่านี้
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากพรีเมียร์ลีกที่น่าสนใจคือ ในบรรดาทีม Big Six เชลซีคือทีมที่สร้างโอกาสยิงประตูได้น้อยที่สุด ด้วยจำนวน 70 ครั้งเท่านั้น! ในตัวเลขนี้แยกเป็นยิงเข้ากรอบเพียง 23 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าปัญหาความฝืดของแนวรุกยังเป็นปัญหาเรื้อรังที่ยังแก้ไม่ตกของเชลซีในยุคทูเคิล
และในภาพรวมของทีมที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นที่นักเตะหรือผู้จัดการทีม คือแนวทางการเล่นของทีม ที่ไม่ว่าจะอยู่สถานการณ์ไหน รูปแบบการเล่นของทีมจะไม่ต่างไปจากเดิม รวมถึงไอเดียการเล่นไร้มิติในการประสานงาน จนทำให้มักจะถูกลงโทษจากทีมคู่แข่งอยู่เสมอ
ความมั่นใจที่หดหาย
เรื่องของความมั่นใจและไร้ซึ่งความกระหายในการเล่นเริ่มถูกพูดมากขึ้นในช่วงหลัง และถูกพูดจากปากของทูเคิลหลังพาทีมบุกพ่ายดินาโม ซาเกร็บ 0-1 เมื่อคืนนี้
“ผมโกรธตัวเอง ผมโกรธฟอร์มการเล่นของเรา เราเล่นไม่ดุดันพอ มันเห็นได้ชัดว่าเราเล่นกันได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่มีความมุ่งมั่นและความกระหาย และนั่นทำให้คุณไม่สามารถคาดหวังที่จะชนะการแข่งขันได้
“ผมรู้ว่าเราต้องการเวลาในการหาทางแก้ไข ในเกมคืนนี้เราเริ่มต้นได้โอเค แต่แล้วจู่ๆ เราก็ขาดความแม่นยำ และความกระหายในการล่าประตู”
เช่นเดียวกับ โจ โคล อดีตนักเตะแนวรุกของเชลซี ให้สัมภาษณ์ถึงผลงานของเชลซีกับ BT Sport ไว้ว่า “พวกเขาทั้งหมดดูไม่มีความมั่นใจ พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้คำว่าคุณภาพมันไม่ได้เกิดขึ้นกับนักเตะอย่าง คริสเตียน พูลิซิช, ฮาคิม ซิเยค และคนอื่นๆ ในทีม
ชนวนเหตุสำคัญทำให้ทูเคิลถูกปลด?
กระจกมักมี 2 ด้าน และว่ากันว่าปัญหาที่ทูเคิลเผชิญนั้นไม่ใช่แค่เรื่องผลงานฟอร์มการเล่นในสนาม!
หลังจากที่โบห์ลีเข้ามาเทกโอเวอร์ มีการเปลี่ยนแปลงในระดับผู้บริหารที่สำคัญ โดยเฉพาะการจากไปของ ปีเตอร์ เช็ก ที่ทำหน้าที่ที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิค และผลงานที่ช่วยเหลือ มารินา กรานอฟสกายา อดีตผู้อำนวยการสโมสรคนเก่ง ทำให้โบห์ลีโยนความรับผิดชอบส่วนนี้ (การมองหานักเตะเพื่อเสริมทัพ) ให้แก่ทูเคิล และทำให้มีปัญหาตลอดช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะรอบที่ผ่านมา
อีกมุมหนึ่งมีรายงานจาก The Telegraph ระบุว่า ทูเคิลเริ่มมีปัญหากับผู้เล่นภายในทีม โดยเฉพาะในระยะหลังกับลูกทีมจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะการจัดทีมที่หลายคนรู้สึกว่าถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จนต้องหลุดจากทีม หรือต้องเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด
ใครคือคนที่ใช่ของ (ทอดด์) เชลซีในเวลานี้?
ตามรายงานของสื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า เชลซีกำลังให้ความสนใจในการพา เกรแฮม พอตเตอร์ ผู้จัดการทีมวัย 47 ปี ของไบรท์ตัน ที่ทำผลงานพาทัพนกนางนวลติดท็อป 4 ในเวลานี้ เข้ามานั่งแท่นผู้จัดการทีมคนต่อไป ซึ่งต้องรอติดตามต่อไปว่า ท้ายที่สุดพอตเตอร์จะตกปากรับคำมารับเผือกร้อนชิ้นนี้หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีในรายของสองกุนซือที่ว่างงานในตอนนี้อย่าง เมาริซิโอ โปเชตติโน และ ซีเนดีน ซีดาน ไปจนถึง โรเจอร์ ชมิดท์ โค้ชของเบนฟิกา อยู่ในลิสต์ที่เชลซีพร้อมพิจารณาด้วยเช่นกัน
สำหรับนัดต่อไป เชลซีมีคิวบุกทำศึกลอนดอนดาร์บีกับฟูแลม ในวันเสาร์ที่ 10 กันยายน เวลา 18.30 น. โดยมี แอนโธนี แบร์รี จะรับหน้าที่คุมทีมเป็นการชั่วคราวแทน
อ้างอิง:
- https://www.skysports.com/football/din-zagreb-vs-chelsea/report/477353
- https://www.theguardian.com/football/blog/2022/sep/02/chelsea-players-need-show-thomas-tuchel-they-have-heard-him
- https://www.bbc.com/sport/football/62815129
- https://www.telegraph.co.uk/football/2022/09/07/revealed-why-chelseas-new-owners-decided-thomas-tuchel-had-go/
- https://www.chelseafc.com/en/news/article/chelsea-football-club-part-company-with-thomas-tuchel?utm_source=fb&utm_medium=orgsoc&utm_campaign=none&fbclid=IwAR3iIsz_Dd145w_9ou6aVFhReKaTkLqT_JllI6ALvKxYB9MuB3zX4Pa0NLE
- https://www.telegraph.co.uk/football/2022/09/07/graham-potter-next-chelsea-manager-would-perfect-fit/