×

จักกพันธุ์ ตรวจสวนสาธารณะ 15 นาทีย่านหลักสี่ เผยได้ที่ดินรกร้างเอกชนไปเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ กทม.

โดย THE STANDARD TEAM
13.08.2022
  • LOADING...
จักกพันธุ์ ผิวงาม

วันนี้ (13 สิงหาคม) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (รองผู้ว่าฯ กทม.)  ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานในพื้นที่เขตหลักสี่ จำนวน 5 จุด ดังนี้

 

จุดที่ 1 พื้นที่จัดทำสวน 15 นาที บริเวณหมู่บ้านเจริญทรัพย์ ซอยวิภาวดี 25

 

จุดที่ 2 พื้นที่จุดเสี่ยงก่ออาชญากรรม บริเวณสะพานลอยคนเดินข้ามหน้าวัดหลักสี่ฯ

 

จุดที่ 3 พื้นที่จัดทำสวน 15 นาที บริเวณหมู่บ้านเกษตรนิเวศน์ ซอยพิทักษ์ 6

 

จุดที่ 4 พื้นที่จัดทำสวน 15 นาที บริเวณหมู่บ้านรุ่งอรุณ ซอยแจ้งวัฒนะ 14 

 

จุดที่ 5 ตรวจเยี่ยมชุมชนต้นแบบการคัดแยกขยะมูลฝอยโดยชุมชน บริเวณชุมชนหมู่บ้านชื่นกมลนิเวศน์ 2 

 

โดยมี สมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่ สำนักเทศกิจ สำนักสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล 

 

จักกพันธุ์กล่าวว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานในพื้นที่เขตหลักสี่ มีความประสงค์จะจัดทำพื้นที่สีเขียวเพิ่ม ตามนโยบายสวน 15 นาที หรือ Pocket Parks ของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. โดยได้สำรวจพื้นที่สาธารณประโยชน์และพื้นที่รกร้างว่างเปล่า เตรียมปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะขนาดเล็กใกล้บ้าน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ภายใน 15 นาที รวมถึงพัฒนาเป็นพื้นที่สำหรับออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ จุดแรกเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ บริเวณหมู่บ้านเจริญทรัพย์ ซอยวิภาวดี 25 พื้นที่ขนาด 57×10 ตารางเมตร อย่างไรก็ตาม ที่ดินดังกล่าวมีบ้านเรือนรุกล้ำอยู่ 1 หลัง ที่ผ่านมาเขตหลักสี่ได้เจรจาสร้างความเข้าใจกับเจ้าของบ้านแล้ว ซึ่งเจ้าของบ้านยินยอมย้ายออกจากที่ดินดังกล่าวภายในเดือนตุลาคมนี้ และจะเดินทางกลับไปอาศัยอยู่ภูมิลำเนาต่างจังหวัด 

 

จุดต่อมาบริเวณหมู่บ้านเกษตรนิเวศน์ ซอยพิทักษ์ 6 เป็นที่ดินของเอกชน พื้นที่ขนาด 33×27 ตารางเมตร ซึ่งเจ้าของที่ดินไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินดังกล่าว แต่ได้เสียภาษีให้กับเขตหลักสี่อย่างต่อเนื่องทุกปี ทางเขตหลักสี่ได้สำรวจพบว่าเป็นพื้นที่เหมาะสมในการจัดทำสวน 15 นาที จึงได้ขอความอนุเคราะห์จากเจ้าของที่ดิน และได้รับการตอบรับให้เขตปรับปรุงเป็นสวนธารณะ ซึ่งตามหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดิน เจ้าของที่ดินจะมอบให้ กทม. ใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 7 ปี 

 

นอกจากนี้ทางเขตได้สอบถามประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งเห็นด้วยในการปรับปรุงให้เป็นพื้นที่สีเขียว ขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวมีผู้ประสงค์จะบริจาคต้นไม้แล้ว ในส่วนของวัสดุอุปกรณ์จะมีสำนักการโยธาหรือทางเขตเข้ามาดำเนินการ ดังนั้นการปรับปรุงพื้นที่ตรงนี้จะลงทุนไม่มาก ส่วนบริเวณหมู่บ้านรุ่งอรุณ ซอยแจ้งวัฒนะ 14 เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ ขนาด 76×12 ตารางเมตร ซึ่งจะปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในชุมชน 

 

“จากการสำรวจในเบื้องต้นพื้นที่ฝั่งธนบุรีมีพื้นที่จัดทำสวน 15 นาที ประมาณ 50 แห่ง ในส่วนของเขตหลักสี่จะมีอยู่ 4 แห่ง โดยจะได้ข้อมูลสรุปตัวเลขทั้งหมดภายในสิ้นเดือนนี้ จากข้อมูลที่ได้จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ที่ดินที่เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ กับที่ดินของเอกชนที่มีความประสงค์ให้ กทม. เข้าไปดำเนินการปรับปรุงเป็นพื้นที่สีเขียว ในขณะเดียวกันการปรับปรุงอาจต้องใช้งบประมาณ ถ้าเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ สำนักสิ่งแวดล้อมจะเป็นผู้ดำเนินการ ถ้าพื้นที่ขนาดเล็ก สำนักงานเขตจะดำเนินการเอง” จักกพันธุ์กล่าว 

 

จักกพันธุ์ยังได้กล่าวถึงจุดเสี่ยงในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งสำนักเทศกิจรายงานว่ามีประมาณ 463 จุด ส่วนในพื้นที่เขตหลักสี่มีอยู่ 13 จุด จุดเสี่ยงที่มาตรวจในวันนี้คือบริเวณสะพานลอยคนเดินข้ามหน้าวัดหลักสี่ฯ ซึ่งได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในเรื่องของไฟฟ้าส่องสว่าง โดยจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวของ เช่น สำนักการโยธา สำนักงานเขตหลักสี่ ทั้งไฟฟ้าที่อยู่บนสะพานลอย และไฟทางที่อยู่บริเวณถนนหน้าวัดหลักสี่ฯ นอกจากนี้ประชาชนมีความประสงค์ให้จัดทำทางม้าลายบริเวณหน้าวัดหลักสี่ฯ โดยจะประสานให้สำนักการจราจรและขนส่งดำเนินการในส่วนนี้ต่อไป 

 

จักกพันธุ์กล่าวเพิ่มเติมว่า จุดสุดท้ายเป็นการตรวจเยี่ยมชุมชนต้นแบบการคัดแยกขยะมูลฝอยโดยชุมชน บริเวณชุมชนหมู่บ้านชื่นกมลนิเวศน์ 2 ซึ่งในแต่ละเดือน กทม. จะเสียงบประมาณในการคัดแยกขยะเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นการแยกขยะจึงเป็นเรื่องสำคัญ ในปัจจุบันทั้ง 50 สำนักงานเขต มีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมโครงการคัดแยกขยะแล้ว 818 แห่ง ในพื้นที่เขตหลักสี่มีหน่วยงานเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 14 แห่ง อย่างเช่น ชุมชนหมู่บ้านชื่นกมลนิเวศน์ 2 ซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวมี 92 หลังคาเรือน มีประชากร 315 คน มีปริมาณขยะที่สำนักงานเขตหลักสี่ดำเนินการจัดเก็บประมาณ 1,200 กิโลกรัมต่อวัน หลังจากที่ได้ดำเนินการคัดแยกขยะแล้ว สามารถลดปริมาณขยะลงได้คงเหลือประมาณ 890 กิโลกรัมต่อวัน นอกจากนี้ยังได้นำขยะไปทำขยะรีไซเคิล รวมถึงนำขยะไปทำน้ำหมักชีวภาพ ถ้าหากชุมชนช่วยกันคัดแยกขยะได้ ปริมาณการจัดเก็บขยะของ กทม. ก็จะลดน้อยลง ในขณะเดียวกันประชาชนก็จะเสียค่าธรรมเนียมจัดเก็บขยะของ กทม. น้อยลง ในแต่ละเดือนสำนักงานเขตหลักสี่จะจัดเก็บขยะชิ้นใหญ่ได้ประมาณ 15 ตันเป็นอย่างน้อย ในขณะเดียวกันการจัดเก็บขยะชิ้นใหญ่ไม่ได้หมายความว่าจะเอาขยะชิ้นใหญ่ทั้งหมดไปกำจัด แต่จะคัดแยกขยะชิ้นใหญ่บางส่วนที่สามารถรีไซเคิลหรือนำกลับไปใช้ประโยชน์ได้ เพราะฉะนั้นขยะชิ้นใหญ่ที่จัดเก็บได้ 15 ตัน จะมีเพียง 10 ตันเท่านั้นที่จะนำไปกำจัด 

 

“การคัดแยกขยะจะอยู่ที่ใจมากกว่าอยู่ที่เงินหรือวัสดุอุปกรณ์ ถ้าหากชุมชนมีความตั้งใจ ประชาชนมีความตั้งใจแล้ว ก็สามารถดำเนินการได้เลย ถ้าจะให้สำนักงานเขตหรือ กทม. เข้าไปช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เราก็พร้อมที่จะสนับสนุนและดำเนินการให้ทันที” จักกพันธุ์กล่าวในที่สุด

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising