วันนี้ (9 กรกฎาคม) เอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีผู้พักอาศัยภายในอาคารชุดแห่งหนึ่ง เขตจตุจักร เกิดโรค เยื่อบุตาอักเสบ จำนวนหลายราย จากการใช้น้ำภายในอาคารชุด
เอกวรัญญูกล่าวว่า วันที่ 14 มิถุนายน 2567 สำนักงานเขตจตุจักร ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 51 จตุจักร เข้าสอบสวนโรค พบผู้ป่วยด้วยโรคตาแดงที่มีอาการตาแดง ตาอักเสบ สะสมรวม 90 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่การประปานครหลวงได้ตรวจวัดคลอรีนอิสระตกค้าง (Residual Free Chlorine) ในน้ำจากการประปานครหลวง (จุดก่อนเข้าถังพักใต้ดิน) วัดได้ 1 ppm ส่วนน้ำจากถังพักใต้ดินและบนดิน ไม่พบค่าคลอรีน (ค่ามาตรฐานน้ำปลายท่ออยู่ที่ 0.2-0.5 ppm) เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจคลอรีนอิสระตกค้างในถังพักน้ำใต้ดิน ถังพักน้ำบนดาดฟ้า ผลปรากฏไม่พบคลอรีนตกค้าง (น้อยกว่า 0.2 ppm) ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานน้ำประปา
เอกวรัญญูกล่าวต่อว่า นิติบุคคลของอาคารชุดแจ้งว่าได้ส่งน้ำตรวจวิเคราะห์หาเชื้อก่อโรคเยื่อบุตาอักเสบ ได้แก่ น้ำประปาก่อนเข้าโครงการ น้ำจากถังพักน้ำใต้ดิน น้ำจากถังพักน้ำบนดาดฟ้า น้ำจากห้องของลูกบ้านที่ป่วย โดยส่งตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และโรงพยาบาลศิริราช
ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่นิติบุคคลเติมคลอรีนในบ่อพักน้ำ และรักษาระดับคลอรีนให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน พร้อมทั้งเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม ได้แก่ ลิฟต์ พื้นที่ส่วนกลาง และห้ามไม่ให้ใช้สระว่ายน้ำ ซึ่งทางนิติบุคคลก็ได้รับปากว่าจะดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อย เจ้าหน้าที่จึงยังไม่ได้ออกเอกสารคำแนะนำเป็นลายลักษณ์อักษร
ต่อมาในวันที่ 21 มิถุนายน สำนักงานเขตจตุจักรได้เข้าตรวจสอบติดตามผลร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 51 จตุจักร โดยได้ส่งเอกสารข้อแนะนำ แนวทางการจัดการคุณภาพน้ำในอาคารสูงให้ทางนิติบุคคลรับทราบ โดยได้เร่งรัดให้นิติบุคคลดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
วันที่ 22 มิถุนายน ฝ่ายอาคารสถานที่ของอาคารชุดได้เริ่มมีการเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อ
วันที่ 25 มิถุนายน ผลตรวจวิเคราะห์น้ำพบว่าน้ำประปาจากบ่อพักน้ำชั้นใต้ดิน และน้ำประปาจากห้องลูกบ้าน จำนวน 5 ห้อง พบเชื้อก่อโรคตาแดงอย่าง Acanthamoeba spp. และ Trophozoites ฝ่ายอาคารจึงได้ทำการล้างถังพักน้ำชั้นใต้ดินและเติมคลอรีนเพื่อให้ได้มาตรฐาน
วันที่ 26 มิถุนายน เจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุข 51 จตุจักร ได้รับแจ้งว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคเยื่อบุตาอักเสบเพิ่มขึ้น โดยพบว่ามีผู้ป่วยสะสมจำนวน 200 ราย
เอกวรัญญูกล่าวว่า วันที่ 1-2 กรกฎาคม ลูกบ้านได้ร้องเรียนไปยังกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ผ่านระบบ Traffy Fondue ขอให้เข้าตรวจสอบการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคเยื่อบุตาอักเสบภายในอาคารชุด รวมถึงติดตามการบริหารงานของนิติบุคคลอาคารชุดให้เป็นไปตามที่มาตรฐานหรือหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาดและความเสียหายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
วันที่ 3 กรกฎาคม สำนักงานเขตจตุจักรร่วมกับกลุ่มเฝ้าระวังและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กองควบคุมโรคติดต่อ และศูนย์บริการสาธารณสุข 51 จตุจักร กรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ร่วมติดตามผลการแก้ไขปัญหา ซึ่งจากการติดตามผลพบว่าทางอาคารชุดได้มีการล้างทำความสะอาดถังพักน้ำและเช็กระบบท่อน้ำใช้ภายในอาคารประจำปี เมื่อเดือนธันวาคม 2566 และได้มีการล้างถังพักน้ำใต้ดิน
มีการตรวจสอบบริเวณรอยรั่วและมีการเติมคลอรีน แต่คณะทำงานยังพบข้อบกพร่องด้านสุขลักษณะ โดยพบว่าถังพักน้ำอีก 3 บ่อยังไม่ได้รับการล้างและทำลายเชื้อด้วยวิธี Chlorine Shock จึงไม่เป็นไปตามข้อปฏิบัติตามแนวทางการจัดการคุณภาพน้ำในอาคารสูงของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข คณะทำงานจึงได้แนะนำให้มีมาตรการเป็นไปตามแนวทางการจัดการคุณภาพน้ำในอาคารสูง และแนวทางการบริหารจัดการป้องกันและควบคุมการปนเปื้อนเชื้อก่อโรคในระบบน้ำอุปโภคบริโภค
ทั้งนี้ คณะทำงานได้สุ่มตรวจน้ำจากก๊อกห้องน้ำด้านล่างอาคารชุด ผลไม่พบคลอรีนอิสระตกค้าง จากนั้นวันที่ 4 กรกฎาคม สำนักงานเขตจตุจักรจึงได้มีหนังสือคำแนะนำให้ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องด้านสุขลักษณะสถานที่แก่นิติบุคคลอาคารชุดดำเนินการ โดยให้รายงานผลการปฏิบัติการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้สำนักงานเขตจตุจักรทราบ เพื่อเป็นการกำกับ ติดตาม และเฝ้าระวังการเกิดโรคระบาด
เอกวรัญญูกล่าวว่า ในวันที่ 11 กรกฎาคม จะมีการลงพื้นที่ตรวจติดตามผลอีกครั้ง หากพบว่านิติบุคคลอาคารชุดดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ได้รับ จะมีการออกคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นแก่นิติบุคคลอาคารชุดดังกล่าว และติดตามผลการดำเนินการต่อไป หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจะดำเนินการส่งแจ้งความดำเนินคดีแก่นิติบุคคลอาคารชุดตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ต่อไป
