หลัง ChatGPT ถูกปล่อยออกมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนนี้ (ธันวาคม) ก็ราว 1 เดือนที่ให้โลกนี้ได้ทดลองเล่นและรับรู้ถึงศักยภาพของแชตบอตตัวนี้แล้ว วันนี้ THE STANDARD WEALTH จะพาไปสำรวจว่า ChatGPT จะเข้ามาดิสรัปต์หรือส่งเสริมการทำงานของมนุษย์กันแน่
ด้วยความที่ ChatGPT เป็น Generative AI หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ ที่มีศักยภาพในการสร้างสรรค์ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และสื่อรูปแบบต่างๆ โดยอัตโนมัติ ตามข้อมูลที่ระบบของแชตบอตดังกล่าวได้ถูกฝึกมาได้เป็นอย่างดี จึงทำให้สามารถสร้างสรรค์งานหลากหลายรูปแบบในแบบที่เคยมีเพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่ทำได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รู้จัก ‘ChatGPT’ แชตบอตโด่งดังสุดอัจฉริยะ ที่กำลังเขย่าโลก ‘AI’ และอาจจุดชนวน Tech Disruption อีกครั้ง
- นักวิจัยจีนเสนอระบบ AI โฉมใหม่ เข้าใจ ‘ความต้องการของมนุษย์’ มากขึ้น ปูทางสู่ความสัมพันธ์แบบสองทิศทาง
- รู้จัก AI นักวาดภาพหน้าใหม่ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ผู้ถูกเปรียบเปรยว่าเป็น ‘การนำไฟจากพระเจ้าแห่งการสร้างสรรค์มาสู่โลก’ แต่มาพร้อมความเสี่ยงครั้งใหญ่ไม่แพ้กัน
แน่นอนว่าการทำงานในรูปแบบงานเขียนที่มนุษย์เคยคิดว่าเป็นงานสร้างสรรค์และมีการนำอารมณ์มาใช้ ซึ่งมีเพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ อาจไม่จริงอีกต่อไปแล้วก็เป็นได้ เนื่องจากเราสามารถให้แชตบอตอย่าง ChatGPT ไปเรียนรู้รูปแบบการเขียนที่ผู้เขียนสนใจ แล้วนำมาสร้างบทความหรืองานเขียนในสไตล์หนึ่งๆ ออกมาได้เช่นกัน
สายงานแปลภาษาที่เดิมต้องใช้ทักษะในการตีความและความเข้าใจในวัฒนธรรมของประเทศเจ้าของภาษานั้นๆ เพื่อตีความหมายให้ได้ตรงกับจุดประสงค์ของผู้พูดและผู้ฟังมากที่สุด การมาของ ChatGPT นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถเข้ามาเป็นตัวกลางในการแปลภาษาระหว่างผู้รับสารและผู้ส่งสารได้อย่างตรงความหมาย
หรือในสายงานโปรแกรมเมอร์ งานฮอตฮิตแห่งยุคที่ใครๆ ต่างก็สนใจ ประกอบกับการเป็นกระแสในเรื่อง Low Code / No Code อยู่ในขณะนี้ ที่เป็นแพลตฟอร์มหรือเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยให้คนที่ไม่มีพื้นฐานด้านการโปรแกรมมิ่งสามารถเขียนโค้ดได้โดยการเขียนโค้ดน้อยที่สุด ซึ่งในระยะเริ่มต้นนี้ (เวอร์ชันเบต้า) ChatGPT ก็สามารถรับคำสั่งในการเขียนโค้ดพื้นฐานได้แล้ว และหากมีเวอร์ชันต่อไปออกมาก็มีความเป็นไปได้ที่จะเข้ามาช่วยในการพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้ทั้งผู้ที่เป็นโปรแกรมเมอร์หรือผู้ที่ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ได้เช่นกัน
ประเด็นนี้นำไปสู่การวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญบางรายที่มองว่า ChatGPT นั้นอาจพัฒนาไปถึงจุดที่มาแทนที่โปรแกรมเมอร์มือใหม่ได้เลยทีเดียว
วงการการเรียนการสอนถือได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงช้าที่สุด และยังคงใช้รูปแบบที่เคยเป็นมานานหลายร้อยปี การมาของ ChatGPT อาจมาเปลี่ยนวงการ โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถถามสิ่งที่ตนเองสงสัยและอยากรู้ได้ทันที หรือกระทั่งการพัฒนาที่ใช้ AI ออกแบบรูปแบบหลักสูตรการเรียนใหม่ในรูปแบบทั้งภาพ, ข้อความ และวิดีโอ เพื่อสร้างคำอธิบายที่ดีที่สุดให้แก่ตัวผู้เรียน
หรือในสายงานอย่างนักวิเคราะห์ข้อมูล ที่แต่เดิมผู้ที่ทำงานในสายงานดังกล่าวต้องมีการดึงข้อมูลที่ต้องการมาวิเคราะห์ แล้วนำไปใช้ต่อตามจุดประสงค์ต่างๆ แต่ขณะนี้ ChatGPT ก็สามารถไปดึงข้อมูลมหาศาลมาประมวลผลและตอบคำถามประเภทเจาะจงได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ จนในระยะต่อไปมีการตั้งข้อสงสัยว่า ผู้ทำงานในฐานะนักวิเคราะห์ข้อมูลอาจถูกแย่งงานไปหรือไม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ChatGPT หรือ AI ใดๆ ที่จะพัฒนาออกมาหลังจากนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการหายไปในบางสายงาน โดยเฉพาะงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะในการตั้งคำถามหรือการตัดสินใจเบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม ChatGPT จะมาแย่งงานมนุษย์ไปทั้งหมดหรือไม่นั้นก็ยังคงเร็วไปที่จะปักความคิดหรือคำตอบเช่นนั้น เนื่องจากงานในบางรูปแบบก็ยังต้องอาศัยการคิดและตัดสินใจต่อของมนุษย์อยู่เช่นเดิม ทั้งนี้ หาก ChatGPT หรือ AI อื่นๆ ไม่ได้ถูกตั้งคำถามที่ดีโดยมนุษย์อย่างเรานั้น คำตอบที่ดีก็อาจไม่ได้ถูกสร้างออกมาก็เป็นได้
แต่ถึงอย่างนั้น ในวิกฤตย่อมมีโอกาส ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน การหายไปของบางสายงานอาจเป็นการเพิ่มของบางสายงานเช่นกัน เช่น ผู้พัฒนา AI, นักพัฒนา Machine Learning, สายงานด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ หรือผู้ที่นำข้อมูลจาก AI ไปต่อยอดอีกต่อหนึ่ง
โดย ChatGPT นั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ทำงานในการจุดประกายไอเดียหรือการรวบรวมข้อมูลประเภทข้อเท็จจริงให้แก่เราได้ แต่การคิดเชิงสร้างสรรค์นั้นก็อาจเป็นจุดที่ศักยภาพของ AI ยังไปไม่ถึงในตอนนี้
หากแต่ด้วยอัตราการพัฒนาของ AI ใน 5-10 ปีข้างหน้า ก็คงไม่มีใครรู้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเราก็ได้เพียงแต่เตรียมการและพัฒนาไปอยู่ในจุดที่ AI (อาจจะ) ยังไม่สามารถทำได้
อ้างอิง: