วันนี้ (27 มีนาคม) สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค และ เทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค ร่วมกันเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนครราชสีมา ทั้ง 16 เขต พร้อมผู้สมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ โดยชูนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ เตรียมสู้ศึกการเลือกตั้งและขับเคลื่อนประเทศ
สุวัจน์กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 16 เขต เนื่องจากวันที่ 3 เมษายนนี้ จะต้องไปสมัครแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะนําไปสู่การทําไพรมารีโหวตภายในอาทิตย์นี้เพื่อให้ถูกต้อง ถือว่าได้เปิดตัวต่อพี่น้องประชาชน ต้องขอขอบคุณชาวโคราชที่มาสนับสนุนและให้กําลังใจกว่า 2,000 คน และนำผู้สมัครทั้ง 16 คนไปแสดงตนต่อหน้าอนุสรณ์สถาน พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อยึดอุดมการณ์และแนวคิดในการทํางานและรับใช้ชาวโคราช
“การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคชาติหน้ากล้ามีความมุ่งมั่นที่จะได้ชัยชนะที่จังหวัดนครราชสีมา ต้องทวงแชมป์คืน ต้องกลับมาเป็นแชมป์ที่โคราชให้ได้ เพื่อที่จะได้มาผลักดันโครงการที่สําคัญ ซึ่งได้ประกาศนโยบายไปแล้วคือ นโยบายโคราชโนมิกส์ ในการที่จะเอาเศรษฐกิจยุคทองของคนโคราชกลับมา เหมือนที่ พล.อ. ชาติชาย ได้เคยสร้างเอาไว้ ซึ่งนโยบายโคราชโนมิกส์นั้นเป็นเรื่องที่จะสร้างโคราช สร้างอีสาน ให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ด้านการลงทุนของประเทศ ให้ยิ่งใหญ่เหมือนตอนท่านชาติชายเปิดประตูอีสานสู่อินโดจีน เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าเหมือนภาค 2” สุวัจน์กล่าว
สุวัจน์กล่าวต่อไปว่า การที่จะดึงนักลงทุนต่างๆ มาลงทุนโดยอาศัยความได้เปรียบของภูมิรัฐศาสตร์ ฉะนั้นเรื่องระบบการคมนาคม การสร้างโคราชให้เป็นเมืองอาหารป้อนโลก โคราชเป็นเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์และโครงสร้างพื้นฐานทางด้านแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ต้องพร้อม ซึ่งเรามั่นใจ หลังจากที่ได้เปิดตัวนโยบายโคราชโนมิกส์ไปแล้ว พี่น้องประชาชนจําติดปากแล้วว่าโคราชโนมิกส์คือการเอาเศรษฐกิจยุคทองของคนโคราชกลับมา คือนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าภาคที่ 2 แต่มาในเวอร์ชันของภาคเศรษฐกิจ บวกกับนโยบายโดยภาพรวมทั้งประเทศของพรรคชาติพัฒนากล้า เรื่อง ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง’ ฉะนั้นเรามีความมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา ต้องคัมแบ็ก ต้องเป็นแชมป์ที่โคราช อย่างแน่นอน เพื่อมาทํางานให้ชาวโคราช
สุวัจน์ยังกล่าวอีกว่า บรรยากาศเรื่องการเลือกตั้งมาได้ดี เพราะตอนนี้มีการแบ่งเขตแล้ว กําหนดวันสมัครแล้ว และกําหนดวันเลือกตั้งแล้ว คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คงจะเป็นการเลือกตั้งที่ค่อนข้างเหมือนกับท้องฟ้าเปิด ไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องของกติกา ก็เป็นเรื่องที่ดี ต้องขอบคุณทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย
จากนี้ไปก็เป็นเรื่องของการควบคุมในแง่โอเปอเรชัน การปฏิบัติในภาคสนาม ว่าทําอย่างไรที่จะจัดการกับเรื่อง Money Politics หรือการซื้อเสียง หรืออะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
“วันนี้เปิดตัวผู้สมัครทั้ง 16 เขต เอาขึ้นเวทีมวยชกครบทุกเซ็ต แต่ไม่ใช่ว่าจะไปต่อยไปหาเรื่องกับใคร พรรคชาติพัฒนากล้าไม่มีเรื่องมีราวกับใครอยู่แล้ว เรามีแต่เพื่อน แต่วันนี้ที่ใช้เวทีมวยเปิดตัว เพราะมวยคือการต่อสู้ วันนี้เราต่อสู้กับปัญหาของประเทศ 16 ข้อ เช่น ปัญหาเงินเฟ้อ, น้ำมันแพง, ค่าไฟแพง, ตกงาน, นักท่องเที่ยว, ความยากจน, น้ําท่วม, น้ําแล้ง, ที่ดินทํากินของเกษตรกร และราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ฯลฯ ให้ผู้สมัครแต่ละคนสู้กับปัญหา”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองเรื่องการเมืองสองขั้วอย่างไร สุวัจน์กล่าวว่า ทางการเมืองของแต่ละพรรคก็เป็นเรื่องแต่ละพรรค แต่สําหรับพรรคชาติพัฒนากล้าเราไม่ได้วางตนเองว่าเป็นขั้วการเมืองอะไร เราคิดว่าการเมืองวันนี้ต้องพยายามที่จะทำให้เกิดความร่วมมือ ลดความขัดแย้งให้มากที่สุด และให้เกิดความร่วมมือในการทํางานร่วมกัน ใครจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความร่วมมือ การทํางานร่วมกัน เพื่อให้พลังทางการเมือง ให้เกิดความรู้สึกว่าเราเลือกตั้งมาแล้วการเมืองมีเสถียรภาพ แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ การตัดสินใจทางการเมืองอะไรที่เกี่ยวข้องจากนี้ไปก็คงขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง เราต้องเคารพเสียงประชาชน ผลการเลือกตั้งคือเสียงของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคชาติพัฒนากล้า สุวัจน์กล่าวว่า จะมีการทําไพรมารีโหวต ในเรื่องของ ส.ส. เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อเสร็จแล้ว ก็จะมาตัดสินใจเรื่องใครจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามรัฐธรรมนูญเสนอได้ 3 ท่านอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา มีอยู่แล้ว ก็ต้องระดมสรรพกำลังกัน ระดมผู้มีประสบการณ์ ระดมความรู้ความสามารถ เพราะบ้านเมืองวิกฤตจริงๆ ก็ต้องระดมกันทุกคน ต้องกลับมาช่วยชาติบ้านเมือง กลับมาช่วยพรรคกัน สุดท้ายแล้วพี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ เชื่อว่าทุกพรรคก็ต้องเสนอคนที่ดีที่สุด และต้องแล้วแต่พี่น้องประชาชน
