×

‘ชาร์ลี มังเกอร์’ อีกหนึ่งนักลงทุนระดับตำนาน แนะ ‘หยุดบ่น-ลงมือทำ’ แล้วชีวิตจะดีขึ้นกว่าเดิมถึง 5 เท่า

28.12.2022
  • LOADING...
ชาร์ลี มังเกอร์

กลายเป็นธรรมเนียมนิยมในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่สื่อมวลชนทั้งหลายจะรวบรวมข้อคิดที่น่าสนใจจากเหล่าปรมาจารย์รุ่นเก๋ามือฉมังในวงการเพื่อขอคำแนะนำหรือข้อคิดการดำเนินชีวิตให้มีความสุขตลอดปีใหม่ที่จะมาถึง

 

โดยนอกเหนือจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ แล้ว มหาเศรษฐีพันล้านที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คือคุณปู่ ชาร์ลี มังเกอร์ คู่หูด้านการลงทุนและเพื่อนซี้คนสนิทของบัฟเฟตต์ ที่มักจะมีนักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้สื่อข่าว แวะเวียนไปขอคำแนะนำมากมาย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


สำหรับปีนี้ ปู่มังเกอร์ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรมากมาย เพียงแต่ให้ข้อคิดที่น่าสนใจไว้ว่า “คนเราจะมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่านี้ ขอเพียงแค่เลิกบ่นเท่านั้น”

 

มังเกอร์กล่าวว่า ตนเองไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนในปัจจุบันถึงไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ เจ้าตัวได้เคยกล่าวไว้เมื่อตอนต้นปีระหว่างการประชุมประจำปีกับทาง Daily Journal ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่มังเกอร์เป็นผู้อำนวยการว่า “ผู้คนมีความสุขกับสถานการณ์น้อยกว่าตอนที่สถานการณ์ต่างๆ รุนแรงยิ่งกว่านี้เสียอีก” ก่อนกล่าวถึงตนเองที่ต้องออกมาดิ้นรนตั้งตัวในช่วงทศวรรษที่ 1930 ที่ซึ่งชาวอเมริกันทั่วทุกหองระแหงกำลังดิ้นรนอย่างหนัก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่ความยากลำบากเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขาและบัฟเฟตต์กลับประสบความสำเร็จ ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกอย่างมาก

 

โดยมังเกอร์เผยว่า เคล็ดลับแรกสุดก็คือหยุดพร่ำบ่นแล้วก็ลงมือทำ เอาเวลาที่จะบ่นไปทำงานตามกำลังความสามารถให้เต็มที่ เพียงแค่เลิกบ่น เจ้าตัวเชื่อว่าทุกคนจะสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่าเคยถึง 5 เท่า

 

นอกจากนี้มังเกอร์ยังทักท้วงว่า สังคมทุกวันนี้ขับเคลื่อนด้วยความอิจฉาริษยาของผู้คนมากเกินไป อิจฉาคนที่มีเงินมากกว่าตนเอง ทั้งๆ ที่ทุกวันนี้ผู้คนล้วนมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมมาก มีมากกว่าเดิมมาก โดยมังเกอร์ยกตัวอย่างถึงช่วงต้นทศวรรษที่ 1800 ที่ชีวิตค่อนข้างโหดร้าย สั้น จำกัด ไม่มีแท่นพิมพ์ ไม่มีแอร์ ไม่มียาแผนปัจจุบัน

 

ความเห็นของมังเกอร์สอดคล้องกับการศึกษาล่าสุดฉบับหนึ่งที่พบว่า ประมาณ 75% ของผู้คนมักจะอิจฉาใครก็ตามที่ดูดีมากกว่าตน โดยสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram และ Twitter เป็นเครื่องมือในการจุดประกายความรู้สึกอิจฉาหรือริษยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นช่องทางให้ได้คอยสอดส่องดูแลการพัฒนาเชิงบวกในชีวิตของคนอื่น

 

ในการประชุม มังเกอร์ได้อ้างถึงงานวิจัยของ สตีเวน พิงเกอร์ นักจิตวิทยาจากฮาร์วาร์ด ซึ่งแย้งว่าคุณภาพชีวิตทั่วโลกดีขึ้นอย่างมากในช่วง 1-2 ศตวรรษที่ผ่านมา โดยมีหลักฐานยืนยันต่างๆ เช่น อายุขัยที่ยืนยาวขึ้นและความยากจนทั่วโลกที่ลดลง กระนั้นก็มีนักวิจารณ์ส่วนหนึ่งแย้งว่า มุมมองของพิงเกอร์เรียบง่ายเกินไป และเพิกเฉยต่อแง่มุมเชิงลบของชีวิตสมัยใหม่ ตั้งแต่ความไม่เท่าเทียมทางความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงการดำรงอยู่ของความรุนแรงและความไม่มั่นคงทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ยังคงก่อให้เกิดความทุกข์อย่างแท้จริง

 

โดยสำหรับข้อโต้แย้งนี้ มังเกอร์เคยกล่าวไว้ว่า ความไม่เท่าเทียมกันบางประการเป็นสิ่งจำเป็นในระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี และนักการเมืองที่พร่ำบ่นแทนที่จะหาแนวทางลงมือจัดการเป็นพวกงี่เง่า (Idiots) รวมถึงวิจารณ์ว่า ความกังวลของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่งและการวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่ร่ำรวยมหาศาลนั้น ‘มีแรงจูงใจ’ มาจากความอิจฉา

 

มังเกอร์สรุปว่า ตนเองไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่า ‘คนจำนวนมากไม่มีความสุขและรู้สึกถูกทำร้ายอย่างหนักหลังจากที่ทุกอย่างดีขึ้นอย่างมาก’ ไม่ได้ เพราะเอาแต่จ้องมองไปยังคนที่มี (เงิน) มากกว่า แต่กลับไม่มีใครมองว่า การมี (เงิน) มากกว่านั้นของคนคนหนึ่ง ต้องฝ่าฟันมาอย่างไรบ้าง

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X