CHANEL นับว่าเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของวงการลักชัวรีที่ชอบการทำ Storyteling และทุกผลงานไม่ว่าจะแฟชั่น บิวตี้ หรือเครื่องประดับ ก็ต้องมีเรื่องราวสักอย่างที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่ผู้ก่อตั้ง Gabrielle Chanel หลงใหล มาคราวนี้กับคอลเล็กชัน Métiers d’Art 2024/25 ทาง CHANEL เลือกหางโจว เมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียงของจีน เพื่อจัดแฟชั่นโชว์สุดยิ่งใหญ่กับแขกกว่า 1,000 ชีวิตจากทั่วโลก ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ CHANEL จัดโชว์เดบิวต์คอลเล็กชัน Metiers d’Art ประจำปี ณ จีนแผ่นดินใหญ่ หลัง Karl Lagerfeld เคยเลือกมาจัดกับคอลเล็กชัน Metiers d’Art 2009/2010 ที่เซี่ยงไฮ้
เหตุผลหลักด้าน Storytelling ที่ CHANEL เลือกมาจัดที่หางโจวมาจากการที่ว่า Gabrielle Chanel สะสมและตกแต่งอพาร์ตเมนต์ของเธอที่อาคาร 31 Rue Cambon ในปารีสกับฉากกั้นแผงไม้เคลือบแล็กเกอร์จีนที่เรียกว่า Coromandel จากยุคศตวรรษที่ 17-19 โดยมีลวดลายของเมืองหางโจวและทะเลสาบซีหู ซึ่งแม้ Gabrielle Chanel จะไม่เคยเดินทางมาที่นี่ในช่วงชีวิตของเธอและได้แต่เพ้อฝันมองฉาก Coromandel อยู่เสมอ แต่มาวันนี้แบรนด์ CHANEL สานต่อความฝันและมาถึงที่นี่แล้วเพื่อจัดโชว์ Metiers d’Art
โดยคอลเล็กชัน Metiers d’Art 2024/25 ถือว่าเป็นคอลเล็กชันที่ 3 ภายใต้ทีม Creation Studio ต่อจาก Couture Fall/Winter 2024 และ Ready-to-Wear Spring/Summer 2025 ซึ่งต้องชื่นชมว่างดงามและมีความคลาสสิกไร้กาลเวลา คุ้มค่าในการลงทุนซื้อใส่ และตอกย้ำความพิเศษของคอลเล็กชัน Metiers d’Art ที่อยู่ตรงกลางระหว่างเสื้อผ้า Ready-to-Wear และ Haute Couture กับความพิเศษที่ทุกชิ้นจะดีไซน์โดยใช้งานฝีมือ Craftsmanship ของเวิร์กช็อปต่างๆ ที่ทาง CHANEL เข้ามาดูแลกิจการทั้ง Atelier Montex, École Lesage, Goossens Paris, Lemarié, Lesage, Lesage Intérieurs, Lognon, Maison Michel, Paloma และ Studio MTX
เสื้อผ้าคอลเล็กชัน Metiers d’Art 2024/25 มีกลิ่นอายความเย้ายวนผสมโรแมนติก เน้นไปที่พวกไอเท็มตัวนอก (Outerwear) เช่น บรรดาโค้ตยาวที่เปิดโชว์, ชุดเดรสยาวพลิ้วไหวที่เหมาะกับสาวสังคมแบบ Ladies Who Lunch และยังเล่นกับสัญลักษณ์โมทีฟต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกคามิลเลีย ดอกบัว และสกุลพรุน ส่วนรองเท้าซีซันนี้เน้นไปที่รองเท้าบู๊ตหนังแก้วที่ทำโดยเวิร์กช็อป Massaro และกระเป๋าก็โฟกัสไปที่รูปทรง Travel Bag และ Vanity Bag ที่เหมาะกับการเดินทาง
ส่วนหากมองในมุมธุรกิจ การมาจัดแฟชั่นโชว์ที่หางโจวถือว่าน่าจะสำคัญมากสำหรับ CHANEL เพราะจีนเป็นตลาดอันดับต้นๆ ของแบรนด์ แต่ในช่วงปีที่ผ่านมายอดขายของวงการลักชัวรีโดยร่วมในจีนซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการที่แต่ละแบรนด์จะเพิ่มยอดขายและมัดใจกลุ่มลูกค้าจีน คือต้องทำสินค้าที่ดูเอ็กซ์คลูซีฟและทำมาด้วยแนวคิดที่หัวใจสำคัญของสินค้ามาจากเรื่องราวและวัฒนธรรมท้องถิ่นด้วย
ปิดท้ายแล้ว แน่นอนว่าหลายคนยังสงสัยว่าครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนใหม่ของ CHANEL จะเป็นใคร ซึ่ง ณ เวลานี้แบรนด์ยังคงให้เราเดากันต่อไปท่ามกลางกระแสข่าวลือมากมายที่มีชื่อใหม่อยู่ทุกวัน แต่หากดูจากผลงาน Metiers d’Art 2024/25 แล้วก็ต้องบอกว่าให้ทีม Creation Studio ทำต่อไปก็ไม่ได้ติดอะไร แต่หากจะขออย่างหนึ่งจากแบรนด์ คืออาจอยากลองเปิดตัวและแนะนำคนที่อยู่เบื้องหลังทีมนี้ไหม เพราะน่าจะงดงามเหมือนเสื้อผ้า หากเราได้รู้ว่าใครดีไซน์และให้สปอตไลต์พวกเขา ก่อนที่คนคนหนึ่งจะได้ไปอย่างเต็มๆ ในอนาคต
ภาพ: CHANEL