ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ กับฉากที่ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ และทีมงานของเขาเนรมิตในแต่ละซีซันเพื่อแบรนด์มหาอำนาจวงการแฟชั่นอย่าง Chanel ที่ล่าสุดเพิ่งจัดรันเวย์โชว์คอลเล็กชัน Cruise 2019 พร้อมสร้างเรือสำราญชื่อ ‘La Pausa’ ความยาว 330 ฟุต และได้ชื่อมาจากวิลล่าของผู้ก่อตั้งแบรนด์ Gabrielle Coco Chanel ที่สร้างทางตอนใต้ของฝรั่งเศสในยุค 1930
เรือสำราญ La Pausa ลำนี้ใช้เวลาสร้างนานถึงสองเดือนและจุคนได้ถึง 1,000 คน ถึงแม้การเดินแบบจะใช้ส่วนด้านนอกของเรือเป็นหลัก แต่พอโชว์จบลง บรรดาแขกรับเชิญรวมถึงดาราอย่าง คริสเตน สจวร์ต, ลิลี โรส เดปป์ และ มาร์โกต์ ร็อบบี้ แอมบาสเดอร์คนใหม่ของแบรนด์ก็ได้สนุกกับ Afterparty ต่อบนเรือ
แวบแรกหลายคนอาจนึกว่า คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ Chanel ได้แรงบันดาลใจในการเนรมิตเรือสำราญ La Pausa จากภาพยนตร์เรื่อง Titanic ของผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน แต่ในความเป็นจริงแล้วคาร์ลได้บอกกับทาง Women’s Wear Daily (WWD) ว่าเขาได้ทำการศึกษามาจากเรือสำราญ ‘The Rex’ ที่ใช้ในภาพยนตร์เรื่อง Amarcord (1973) ของผู้กำกับชาวอิตาเลียนในตำนาน เฟเดอริโก เฟลลินี (Federico Fellini)
แต่ตอนแรกทาง Chanel เองก็มีความคิดที่ว่าจะเช่าเรือสำราญแบบจริงๆ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง และจัดโชว์ขณะเรือกำลังล่องในทะเล แต่เพราะความซับซ้อนด้านการจัดการและกฎระเบียบต่างๆ เลยต้องเปลี่ยนแผน
สำหรับที่จัดงานรันเวย์ในครั้งนี้ก็ยังคงเป็นที่ Grand Palais ในกรุงปารีส ซึ่ง Chanel ได้ประกาศบริจาคเงิน 25 ล้านยูโรหรือราว 950 ล้านบาทเพื่อบูรณะเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และ Grand Palais ยังเป็นสถานที่สำคัญที่ทางแบรนด์ได้จำลองฉากที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์แฟชั่น เช่น จรวดในโชว์ Fall/Winter 2017 และน้ำตกในโชว์ Spring/Summer 2018 แถมทาง Chanel เองก็กำลังจะเปิดร้านแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ในเดือนกันยายนนี้ที่ถนน Rue Saint-Honoré เพราะร้านในตำนานตรงถนน Rue Cambon กำลังจะมีการปิดปรับปรุงในปี 2020
สาวกแฟชั่นจะรู้กันดีว่าตั้งแต่ Chanel เริ่มจัดแฟชั่นโชว์สำหรับกลุ่มสินค้า Cruise ในปี 2000 เป็นครั้งแรก โดยเน้นเสื้อผ้าสำหรับการไปเที่ยวพักผ่อน ที่ผ่านมาทางแบรนด์จะเลือกไปจัดตามเมืองท่องเที่ยวสำคัญทั่วโลก อาทิ ดูไบ โซล ฮาวานา หรือสิงคโปร์ แต่ทาง Bruno Pavlovsky ประธานของแบรนด์ได้บอกว่าเหตุผลที่ทางแบรนด์กลับมาเน้นจัดโชว์ที่ปารีสก็เพราะอยากฟื้นฟูและสร้างความมั่นใจต่อนักท่องเที่ยวที่ลดลงหลังจากเหตุการณ์ก่อการร้ายในปี 2015 และ 2016
ด้านเสื้อผ้าที่จะเข้าร้านประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ก็จะสะท้อนวิถีชีวิตชาวเรือ (Nautical) ที่ผสมผสานกลิ่นอายสปอร์ตและยุค 60s ที่ดูแล้วเป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชันที่ตรงไปตรงมา ดูลงตัว ใส่ง่าย และเหมาะกับผู้หญิงที่ใช้ชีวิตแบบ Jet-Setter เดินทางทั่วโลกบนเครื่องบินส่วนตัว สำหรับไอเท็มก็มีตั้งแต่ สเวตเตอร์ผ้าแคชเมียร์ หมวกทรงเบเรต์ หมวกสาน กางเกงทรงกะลาสี สูทผ้าทวีตตามต้นฉบับของแบรนด์ สร้อยมุก เครื่องประดับที่ใช้รูปทรงสัญลักษณ์ห่วงยางนิรภัย รองเท้ายางทรง Mary Jane ที่ใส่คู่กับถุงน่องขาว และเหล่ากระเป๋ารูปทรงต่างๆ ที่ลูกค้าประจำของแบรนด์น่าจะมีการสั่งจองเป็นที่เรียบร้อย
อ้างอิง:
