×

เปิดความท้าทายในการสานต่อธุรกิจครอบครัวรุ่น 2 ของมาดามรถถังและโรงเรียนเด่นหล้า พร้อมพันธมิตรทางการเงินคู่ใจ ให้ติดปีกโบยบินอย่างสวยงาม [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
04.04.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 min read
  • ความสุขในการทำธุรกิจของ ‘กฤต กุลหิรัญ’ ทายาทรุ่น 2 ของ ‘มาดามรถถัง’ คือวันที่ได้เห็นสินค้าที่มาจากความเพียรสร้างจนสำเร็จ ความท้าทายในการต่อยอดทางธุรกิจ เมื่อคิดได้ต้องทำได้ด้วย การวางแผนการเงินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
  • กว่า 40 ปี บนเส้นทางการศึกษาของ ‘ดร.เต็มยศ ปาลเดชพงศ์’ ผู้สืบทอดเครือโรงเรียนนานาชาติ ‘เด่นหล้า’ ที่เข้าใจในความคาดหวังของทั้งผู้ปกครองและนักเรียนทุกคน ให้ความสำคัญกับ ‘ความสุข’ ของชีวิตในวัยเรียน บนเส้นทางสู่ความสำเร็จของเด่นหล้ามีพันธมิตรทางการเงินที่ดีคอยอยู่เคียงข้าง

มีผลการวิจัยที่ระบุว่าเมื่อธุรกิจครอบครัวมีการส่งต่อจากเจน 1 สู่เจน 2 หรือเจน 3 มักมีอัตราการอยู่รอดของธุรกิจลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หรือผลกระทบจากกระแส Digital Disruption แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีบางธุรกิจที่สามารถฟันฝ่าคลื่นลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ติดปีกทะยานสู่เป้าหมายได้ไกลเกินฝัน

 

จาก ‘มาดามรถถัง’ สู่ ‘เจ้าชายรถเกราะไทย’

ใครหลายคนต่างรู้จัก ‘นพรัตน์ กุลหิรัญ’ กันเป็นอย่างดีในนาม ‘มาดามรถถัง’ ผู้ก่อตั้งบริษัทเครือชัยเสรี ที่มีจุดเริ่มต้นจากผู้จำหน่ายยุทธภัณฑ์สู่ผู้ผลิตอะไหล่ ข้อต่อสายพานรถถัง พัฒนาเป็นโรงซ่อม ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ออกแบบและผลิตรถเกราะล้อยาง สร้างนวัตกรรมสัญชาติไทย การันตีด้วยผลงานคุณภาพ ซึ่งสามารถส่งออกไปยังสหประชาชาติ รวมถึงประเทศต่างๆ ได้ถึง 44 ประเทศทั่วโลก ที่ในวันนี้พร้อมส่งไม้ต่อให้กับลูกชาย ‘กฤต กุลหิรัญ’ ในฐานะทายาทรุ่นที่ 2 ผู้ได้รับฉายาว่า ‘เจ้าชายรถเกราะไทย’ หรือ ‘โทนี สตาร์ก เมืองไทย’

 

 ‘กฤต กุลหิรัญ’ 

ทายาทรุ่นที่ 2 ผู้สืบทอดกิจการจาก ‘มาดามรถถัง’ 

เจ้าของฉายา ‘เจ้าชายรถเกราะไทย’ 

 

กฤตพาเราย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นเมื่อ 55 ปีที่ผ่านมาว่า คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเครือชัยเสรี ในปี 2511 เริ่มจากการซื้อมาขายไป ทั้งอะไหล่ ยุทธภัณฑ์ต่างๆ จนได้ขยับขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ สามารถส่งออกไปทั่วโลกได้ ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องการันตี 

 

“เมื่อผมจบการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา จึงเริ่มเข้ามาช่วยธุรกิจของครอบครัว ซึ่งมีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานในหลายประเทศ เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ ข้อมูลต่างๆ และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาต่อยอด เกิดเป็นรถเกราะล้อยาง 4×4 และจากที่ได้รับการสอนมาตั้งแต่เด็กว่า การทำอะไรจะต้องรู้จริง ผมจึงทดสอบ ทดลองขับด้วยตนเอง ทำให้ได้รู้ถึงข้อดีข้อเสียที่เกิดขึ้น และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น”

 

ในด้านการพัฒนาต่อยอดธุรกิจ กฤตเล่าว่า การส่งออกเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่การขายภายในประเทศยังต้องสร้างความเชื่อมั่น ไว้วางใจ และพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการ และเป็นไปอย่างมีคุณภาพ รวมถึงบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ยุทโธปกรณ์ต่างๆ สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ซึ่งในจุดนี้ต้องใช้ระยะเวลาเพื่อให้ลูกค้าในประเทศเห็นถึงการพัฒนานวัตกรรมได้อย่างตรงจุด 

 

บริษัทเครือชัยเสรีของครอบครัวกุลหิรัญ 

ยังคงเดินต่ออย่างมั่นคงในปัจจุบันเมื่อรุ่นที่ 2 เข้ามาสานต่อกิจการ

 

“ผมเชื่อเสมอว่า ‘คิดได้ ต้องสร้างได้ ถึงจะสำเร็จ’ การสร้างแพลตฟอร์มที่ใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถเกราะ 8×8 รถว่ายน้ำ รถสายพาน และศึกษาระบบต่างๆ ที่ใช้ในยานยนต์ทางทหาร ยังเป็นความท้าทายของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม การพัฒนายังต้องขึ้นอยู่กับเงินลงทุน และการจัดการเงินอย่างรอบคอบ เราโชคดีที่มีธนาคารกรุงไทยเป็นพันธมิตรที่คอยเคียงข้างดูแลเสมอมา นั่นช่วยให้เรามีเครื่องมือที่ดีในการบริหารการเงินอย่างเป็นระบบ สะดวก รวดเร็ว และตรวจสอบได้ง่ายขึ้น รวมถึงทำให้เรามีเวลาไปคิดพัฒนางานด้านอื่นได้มากขึ้นด้วย

 

“กับธนาคารกรุงไทย คุณแม่เล่าให้ฟังว่าบ้านเราอยู่ติดกับสาขาวิภาวดี-รังสิตมาตั้งแต่ช่วงก่อตั้ง เพราะฉะนั้น จึงรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนบ้านกันมากกว่า คือมีอะไรเราก็พึ่งพากันตลอด ทำตั้งแต่ธุรกรรมง่ายๆ ฝาก ถอน โอน จ่าย ฝากเช็ค ชำระค่าสินค้า ไปจนถึงการรับโอนจาก Suppliers ต่างประเทศ ครบทุก Solutions ด้านการเงิน จนมาถึงปัจจุบันธนาคารกรุงไทยมีแอป Krungthai BUSINESS ที่มีความสะดวกมากขึ้น แค่มีมือถือ มีอินเทอร์เน็ต ทุกอย่างจบ จัดการเรื่องการเงินได้ทุกที่ทุกเวลา สะดวกมากๆ นี่คือ มิตรภาพ ความมั่นคง และทันสมัย ที่ผมได้รับจากธนาคารกรุงไทย” กฤตกล่าวทิ้งท้าย

 

รากฐานที่สำคัญของการศึกษา

จากรุ่นแรกสู่รุ่น 2 ของโรงเรียนเด่นหล้า

 

‘ดร.เต็มยศ ปาลเดชพงศ์’ กรรมการบริหาร โรงเรียนนานาชาติ DBS Denla British School หนึ่งในทายาทรุ่น 2 เครือโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติ ‘เด่นหล้า’ ผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของ ‘อาจารย์อารย์ ปาลเดชพงศ์’ ผู้เป็นพ่อ ผ่านการวางกรอบแนวคิดที่ต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนักเรียน ด้วยหลักสูตรที่ตอบโจทย์เด็กยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี

 

‘ดร.เต็มยศ ปาลเดชพงศ์’ 

หนึ่งในทายาทรุ่น 2 เครือโรงเรียนนานาชาติ ‘เด่นหล้า’ 

 

“เมื่อปี 2522 เราก่อตั้งโรงเรียนเด่นหล้า เพชรเกษม เป็นแห่งแรก และในปี 2549 จึงเปิดแห่งที่ 2 คือ โรงเรียนเด่นหล้า พระราม 5 จังหวัดนนทบุรี ที่นี่เรามีตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และกำลังวางแผนจะขยายหลักสูตรชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ล่าสุดในปี 2560 Denla British School ได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อตอบโจทย์ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ภาษาที่ 2 ภาษาที่ 3 มีความสำคัญมากขึ้น โดยที่นี่จะเปิดหลักสูตรการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษา และมีหลักสูตรเดียวคือ นานาชาติ หรือภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ การคลุกคลีอยู่ในแวดวงการศึกษามานานกว่า 40 ปี ทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น เข้าใจถึงความคาดหวังของผู้ปกครองที่พร้อมลงทุนด้านการศึกษาให้กับบุตรหลาน เป็นอาวุธติดตัวให้อยู่รอดในอนาคต ใกล้เคียงกับวิสัยทัศน์ของโรงเรียนที่ต้องการให้เด็กได้รับทั้งวิชาการที่มีคุณภาพ และทักษะการใช้ชีวิตที่ไม่ขาดตกบกพร่อง รวมถึงยังเน้นทักษะของผู้ประกอบการ ความคิดสร้างสรรค์ มีความกล้าหาญ กล้าลงมือทำ ค้นหาตัวเองให้เจอ ซึ่งไม่ได้คาดหวังว่าเด็กของเราโตขึ้นจะไปเป็นนักธุรกิจทุกคน แต่มองว่าคุณสมบัติเหล่านี้มีความจำเป็นในการประกอบอาชีพในอนาคต ขณะเดียวกันก็ยังสอดแทรกความรู้ภาษาไทยและความเข้าใจในวัฒนธรรมไทย เพื่อให้เด็กมีความสุขมากขึ้นในการใช้ชีวิตที่เมืองไทย”

 

ดร.เต็มยศ เล่าถึงความยากเมื่อแรกเริ่มต้น เนื่องจากคุณพ่อเริ่มจากศูนย์ ไม่มีเงินทุน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับความยากและท้าทายในปัจจุบัน คือเรื่องของคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยีทำให้การเรียนการสอนเปลี่ยนไป แต่ยังจำเป็นต้องอาศัยคนหรือครูผู้สอนในการกระตุ้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้เรื่องต่างๆ อยู่เสมอ

 

Denla British School โรงเรียนนานาชาติแห่งล่าสุดในเครือ ‘เด่นหล้า’

ในการขยายกิจการให้ประสบความสำเร็จนั้นนอกจากเงินทุนแล้ว

ยังต้องมีพันธมิตรทางการเงินที่ดี

 

“ความยากของการเริ่มต้นกิจการคือเงินทุน และในเวลานั้น พันธมิตรทางธุรกิจที่ให้คำปรึกษา คำแนะนำเรามาโดยตลอดคือ ธนาคารกรุงไทย ที่พร้อมให้เงินทุนเราในการเริ่มดำเนินกิจการ มาในวันนี้ที่แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไป แต่เรายังคงเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน พร้อมกับความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมมากขึ้นผ่านแอป Krungthai BUSINESS ที่สามารถใช้งานได้ผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการชำระค่าบริการ Suppliers โอนจ่ายเงินเดือนพนักงาน ตลอดจนสามารถดาวน์โหลดข้อมูล Statement ต่างๆ ครบทุก Solutions ด้านการเงิน และยังเป็นการลดการใช้กระดาษ ลดต้นทุนการดำเนินงาน เรียกได้ว่าไม่เพียงเป็นพันธมิตรที่เข้ามาติดปีกทางธุรกิจ แต่ยังเป็นผู้สนับสนุนด้านการบริหารจัดการหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพ หมดห่วงด้านธุรกรรมทางการเงิน สามารถโฟกัสเรื่องการขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่”

 

Krungthai BUSINESS นอกจากจะเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้คุณบริหารจัดการเรื่องการเงิน ทั้งโอน รับ จ่ายได้ง่าย สะดวก ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ยังสามารถดูข้อมูลสินเชื่อ ขอหนังสือค้ำประกันได้ทั้ง LG และ e-LG รวมถึงการทำธุรกรรมต่างประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Krungthai Corporate Contact Center โทร. 0 2111 9999

 

#KrungthaiSME #ติดปีกให้ธุรกิจคุณ #KrungthaiBUSINESS

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising