วันนี้ (30 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา ชัยชนะ เดชเดโช สส. นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่บุตรสาวคนโตของตนที่กำลังศึกษาอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์รีดเงินกว่า 600,000 บาท โดยมีบุคคลที่แอบอ้างชื่อ ร.ต.อ. อดิศักดิ์ สอนบัว ว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โทรศัพท์มาที่บุตรสาวของตน โดยแจ้งว่ามีคดีความและกำชับไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง อีกทั้งยังบอกว่ามีหนทางในการช่วยเหลือ โดยให้โอนเงินเพื่อช่วยเหลือคดีและให้พูดคุยผ่านแอปพลิเคชัน LINE
ชัยชนะเปิดเผยว่า บุตรสาวของตนโอนเงินครั้งแรก 56,000 บาท ในเวลาประมาณ 08.00 น. หลังจากนั้นก็เปิดวิดีโอคอลพูดคุย โดยอีกฝ่ายใส่ชุดตำรวจและอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งอธิบายคดีความว่าเป็นอย่างไร หลังจากนั้นก็ให้โอนเงินครั้งที่ 2 บุตรสาวก็โทรศัพท์มาหาตนบอกว่าต้องจ่ายค่าเทอม ตนจึงโอนเงินผ่านไปยังบุตรสาว
หลังจากนั้นบุตรสาวก็โอนเงินต่อไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ผ่านบัญชีม้าจำนวน 100,000 บาท 2 ครั้ง รวม 200,000 บาท หลังจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินไปแล้ว 3 ครั้งก็กล่อมให้บุตรสาวกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อไปหาเงิน ไม่เช่นนั้นจะทำให้พ่อ รวมถึงญาติพี่น้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และจะแบล็กเมลรูปที่วิดีโอคอลกันไว้ บุตรสาวจึงเดินทางกลับไปที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปเอาเงินที่ยายแล้วโอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก 393,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 649,000 บาท
ทั้งนี้ การกระทำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กระทำต่อเด็ก และเด็กเป็นบุตรของบุคคลสาธารณะ อีกทั้งใช้วาทะข่มขู่นักศึกษาเหล่านี้ว่า ถ้าไม่กระทำตามพ่อแม่จะเสียชื่อเสียงและจะนำรูปที่มีส่งให้มหาวิทยาลัย ทำให้เด็กเกิดความกลัว ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นบุตรสาวก็โทรมาหาตนและเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ให้บุตรสาวแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช
ชัยชนะกล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมไทย ซึ่งจริงๆ แล้ววันนี้รัฐบาลหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งยังมองว่ามีความโชคดีอยู่ที่เขาไม่หลอกพาบุตรสาวของตนไปดำเนินคดีแล้วกักขังไว้เหมือนที่คนอื่นโดน เพราะปัจจุบันก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้อยู่ และต้องยอมรับว่าเด็กหลายคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อีกทั้งไม่รู้ถึงกระบวนการการกระทำแบบนี้ซึ่งโดนหลอกลวงอยู่บ่อยๆ
ชัยชนะระบุด้วยว่า เรื่องเหล่านี้ถ้าเราไม่จริงจังในการแก้ไข ไม่ทราบว่าคนไทยจะต้องสังเวยกับเรื่องแบบนี้อีกนับเท่าไร และบัญชีม้าทั้ง 3 บัญชีบุตรสาวส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เพื่อเช็กเส้นทางการเงินว่าหลังจากโอนเข้าแล้วเส้นทางการเงินนี้ไปที่ไหน ซึ่งบัญชีม้าเหล่านี้ก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะรับเงินกว่า 600,000 บาท จากการเห็นแค่ค่าจ้าง 10,000-20,000 บาท ดังนั้นต้องฝากผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการถึงตัวการใหญ่ให้ได้ อีกทั้งเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาก็โทรกลับไม่ติด
“ผมขอเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ให้เร่งรัดปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจัง และขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีว่าต้องมีนโยบายปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วย เพราะไม่ใช่แค่ลูกสาวผมคนเดียวที่ถูกกระทำ เหยื่อทุกคนก็ต้องได้รับความเป็นธรรมในคดีเหล่านี้” ชัยชนะกล่าว
ชัยชนะเปิดเผยว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม เพราะที่ผ่านมาก็ยังพิจารณาเรื่องแบบนี้อยู่มาก และไม่คิดว่าสิ่งที่เราดำเนินการช่วยเหลือสังคมและปราบปรามอยู่ วันนี้เกิดขึ้นกับลูกสาวตน หลังจากนี้ก็ต้องช่วยกันดูแลสภาพจิตใจ เพราะกระทบกระเทือนจิตใจ
“ผมขอประณามพฤติกรรมของคนเหล่านี้ว่าเลวทรามมาก และขอฝากเป็นอุทาหรณ์ว่า หากท่านมีคดีจริงๆ ขอให้ไปที่สถานีตำรวจหรือหน่วยงานราชการ อย่าหลงเชื่อกับคำพูดทางโทรศัพท์และอย่าโอนเงินให้เขา เพราะข้อเท็จจริงไม่มีแบบนี้แน่นอน รวมถึงการลงทุนก็ขออย่าหลงเชื่อ อย่าเกิดความโลภ ขอวิงวอนประชาชนอย่าหลงเชื่อเรื่องเหล่านี้” ชัยชนะกล่าว
ส่วนแนวทางการแก้ไข ชัยชนะระบุว่า ต้องอายัดบัญชีม้าเหล่านี้ ถ้าไม่เริ่มตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก็จะปราบปรามไม่ได้ รวมถึงกลุ่มคนจีนทั้งหลายที่กระทำเรื่องเหล่านี้ทั้งกลุ่มที่มีคนไทยร่วมด้วย ขอให้หยุดพฤติกรรมหลอกลวงเพื่อนมนุษย์และฆ่าเพื่อนมนุษย์ทั้งเป็น เพราะเป็นบาปกรรมที่คนสร้างจะหนีไม่พ้น คุณอาจมีความสุขในวันนี้ แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดขึ้นกับครอบครัวหรือญาติของคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร