ธุรกิจประกันภัยเริ่มฟื้น ‘กรุงเทพประกันภัย’ เปิดเกมรุกส่งสารพัดประกันรถยนต์ชั้น 2-รถยนต์ไฟฟ้า-ไลฟ์สไตล์ ชูจุดขายราคาเข้าถึงง่าย หวังพลิกฟื้นธุรกิจกลับมาทำกำไรเท่าปีก่อนโควิด ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมปี 2566 แตะ 3 หมื่นล้านบาท เติบโต 12.5%
ชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ฉายภาพว่า หลังจากวิกฤตโควิดคลี่คลายลง ภาพรวมตลาดประกันวินาศภัยไทยเริ่มได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการขยายตัวของประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว ตลอดจนนโยบายเตรียมจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในไทยในอัตรา 150-300 บาทต่อคน คาดว่าค่าธรรมเนียมส่วนหนึ่งจะนำมาเป็นเบี้ยประกันภัยสุขภาพให้นักท่องเที่ยว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘กรุงเทพประกันภัย’ เดินหน้าสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมประกันภัย ด้วยการนำ ‘เทคโนโลยี’ เข้ามาพัฒนา
- หุ้นกลุ่มประกันภัยและประกันชีวิต – อัตรากำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
- บริษัทประกันชีวิตจะล้มเหมือนธนาคาร SVB ที่เพิ่งจะล้มไปหรือไม่?
จึงประเมินว่าธุรกิจประกันภัยในปี 2566 จะมีเบี้ยประกันภัยรับรวมขยายตัวขึ้น 4.5-5% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อส่งผลให้ต้นทุนการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มสูงขึ้น บริษัทประกันภัยจึงมีโอกาสได้รับเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันการแข่งขันด้านราคาก็เริ่มลดลง โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์หลังจากที่บริษัทประกันภัยหลายแห่งต้องถูกปิดกิจการและประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักในปีที่ผ่านมา
แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะธุรกิจยังอยู่ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ทั้งปัจจัยของเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงภาวะสงครามและปัญหาสถาบันการเงินในยุโรป ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมากน้อยแค่ไหน ส่วนประเทศไทยเชื่อว่าตลาดหุ้นน่าจะสามารถเข้าลงทุนได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไป
เตรียมเงินสด ‘1 พันล้านบาท’ ลงทุนหุ้นระยะยาว
ชัย โสภณพนิช กล่าวเพิ่มว่า ก่อนหน้านี้หุ้นในเครือที่เคยขายออกไปก็เริ่มทยอยซื้อกลับมาบ้างแล้ว เช่นหุ้น BH, BBL, BLA โดยปีนี้เตรียมเงินสดเอาไว้ 1 พันล้านบาท ซึ่งจะมองการลงทุนระยะยาวเป็นหลัก โดยหุ้นที่น่าสนใจ เริ่มตั้งแต่ธนาคาร ธุรกิจหลอดไฟรถยนต์ และอาหาร
ด้าน ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวถึงกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงานว่า บริษัทมุ่งให้ความสำคัญกับการพลิกฟื้นธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน Year of Resilience Towards Sustainable Growth เน้นสร้างกลยุทธ์ที่แตกต่างด้วยการพัฒนาแผนกันประกันภัยรถยนต์ 2+ Super Special เบี้ยประกันภัยเริ่มต้น 7.3 พันล้านบาท
ตามด้วยแผนประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อรองรับกระแสความนิยม เห็นได้จากยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ปี 2565 ที่มีจำนวนกว่า 9,729 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 402.8% จากปี 2564 ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทได้รับประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 ซ่อมห้างสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ได้กระแสตอบรับที่ดีและมีจำนวนผู้ทำประกันภัยเพิ่มขึ้น ปัจจุบันได้คุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้าถึง 33 รุ่นจาก 20 แบรนด์ โดยมียอดสะสมกว่า 2,000 คัน และคาดว่าทั้งปีจะมีเบี้ยประกันภัยรวมไม่ต่ำกว่า 120-140 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะพัฒนาความคุ้มครองใหม่ๆ พร้อมเพิ่มจำนวนรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่รับประกันภัยอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีแผนประกันภัยในการทำกิจกรรมต่างๆ ในรูปแบบ Personalized Insurance ที่มีความเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการเพิ่มศักยภาพอู่ซ่อมในสัญญาที่มีมากกว่า 580 แห่ง และพัฒนาปรับปรุงระบบ Web Partner สำหรับตัวแทนเพื่อขยายช่องทางการประกันภัยไปสู่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ควบคู่กับขยายธุรกิจกับคู่ค้ารายใหม่
ปีนี้หวังเบี้ยประกันภัยรับ 3 หมื่นล้านบาท-พลิกมีกำไร
จากกลยุทธ์ทั้งหมด เชื่อมั่นว่าในปี 2566 กรุงเทพประกันภัยจะสามารถรับเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโต 12.5% หรืออยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 13,096 ล้านบาท เติบโต 20% และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์ประมาณ 16,904 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการปี 2565 บริษัทสามารถขยายงานด้านเบี้ยประกันภัยรับรวมได้เกินเป้าหมายโดยเติบโต 8.8% หรือคิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวม 26,676.3 ล้านบาท และมีรายได้สุทธิจากการลงทุน 6,254.6 ล้านบาท แต่ด้วยภาระผูกพันในการจ่ายเคลมสินไหมทดแทนประกันภัยโควิดที่สิ้นสุดลงในช่วงไตรมาส 2 ส่งผลให้บริษัทยังมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 638.4 ล้านบาท
ขณะที่โจทย์ใหญ่ในปี 2566 คือการทำให้บริษัทกลับมีกำไรเทียบเท่ากับช่วงก่อนช่วงโควิด ซึ่งก็คือปี 2563 ที่มีกำไรก่อนหักภาษี 3.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นกำไรจากการรับประกัน 1.4 พันล้านบาท และกำไรจากการลงทุน 1.8 พันล้านบาท