×

กทม. ประชุมรวมหัวหน้าหน่วย กทม. กางแผนดูแล 5 เรื่องหลัก ชัชชาติย้ำ อย่าทำงานช้า เบียดเบียนประชาชน

โดย THE STANDARD TEAM
04.08.2022
  • LOADING...
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

วันนี้ (4 สิงหาคม) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของ กทม. ครั้งที่ 8/2565 โดยมีคณะผู้บริหาร กทม. และผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุม

 

ชัชชาติกล่าวในที่ประชุมว่า ช่วงที่ผ่านมีเรื่องน้ำท่วม เชื่อว่าผู้อำนวยการเขตทุกคนทำงานหนัก ปัญหาคือข้อมูลของส่วนกลางยังไม่เชื่อมกับเขตซึ่งเป็นเส้นเลือดฝอย จึงควรมีการรวบรวมจุดอ่อนน้ำท่วมจากเขตมาอยู่ที่ส่วนกลาง ที่ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนได้รวดเร็ว เพราะเขตทำงานหนัก มีข้อมูลอยู่แล้ว แต่พอข้อมูลไม่ได้มารวมกับส่วนกลาง ทำให้ส่วนกลางมองไม่เห็นปัญหา ทำให้การวางแผนระยะยาวไม่ได้รับการแก้ไข

 

ทั้งนี้บางจุดอาจจะท่วมซ้ำซาก แต่ศูนย์ฯ จะพบว่าน้ำแห้งหมดแล้ว เพราะสำนักการระบายน้ำจะมีข้อมูลเฉพาะถนนสายหลัก โจทย์คือทำอย่างไรให้ข้อมูลทางเขตมาปรากฏในภาพรวม ซึ่งจะแก้ปัญหาระยะยาวได้ ต้องมีการอัปเดตจุดน้ำท่วมซ้ำซาก จะต้องมีการนำข้อมูลมารวมที่ส่วนกลาง

 

โดยอาจใช้โปรแกรมทำงานร่วมกันระหว่างสำนักการระบายน้ำ สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง ทำให้เห็นภาพรวม เรามีหลายหน่วยงานอยากจะช่วยให้ กทม. ดีขึ้น ถ้าเรามีข้อมูลส่วนกลางที่ชัดเจนขึ้น เราจะสามารถแจกงานได้ ผู้อำนวยการเขตย่อมรู้เรื่องภายในพื้นที่เขตตนเองดี ก็รายงานข้อมูลเข้ามาที่ส่วนกลาง เพื่อให้ทราบว่ามีน้ำท่วมที่ซอยไหน

 

ชัชชาติกล่าวต่ออีกว่า ในเรื่องที่ 2 คือการปฏิบัติงานเรื่องการขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เขต เช่น ขอใบอนุญาตก่อสร้าง ตนได้รับแจ้งจากประชาชนว่าดำเนินการล่าช้า แจ้งปัญหาไปแต่ยังไม่มีอะไรปรับปรุง ในความจริงแล้วไม่ต้องรอให้มีใครมาบอกว่าให้ช่วย เพราะทุกคนคือประชาชนเท่าๆ กัน นี่คือพลังของ Traffy Fondue คือทุกคนเท่าเทียมกัน เพราะไม่จำเป็นต้องทราบว่าใครแจ้ง

 

ต่อไปการขอใบอนุญาตจะต้องเป็นแบบนี้ ทุกคนต้องมีศักดิ์ศรีเท่ากัน ขอให้ผู้อำนวยการเขตช่วยดูเรื่องกระบวนการต่างๆ ต้องทำงานแบบ One Stop Service ต้องเร่งรัด ไม่ทำงานแบบเก่าๆ นี่คือการทำงานยุคใหม่ เป็นยุคของความโปร่งใสของการบริการประชาชน เรามีหน้าที่ในการบริการ ไม่ใช่เบียดเบียนประชาชน

 

ดังนั้นจึงต้องฝากในกระบวนการอนุญาตต่างๆ ต้องให้รวดเร็ว โปร่งใส และเป็นบริการเพื่อประชาชนจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะเร่งรัดต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 อย่างแท้จริง

 

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมสำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ได้รายงานจำนวนผู้ป่วยโควิดที่มารับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุข โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ข้อมูล ณ วันที่ 2 สิงหาคม เวลา 20.00 น.

 

มีผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 3,317 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 91,666 ราย ด้านสถานการณ์เตียงในพื้นที่ กทม. ยังมีเตียงรองรับเพียงพอ ข้อมูล ณ วันที่ 4 สิงหาคม เวลา 08.00 น. มีเตียงรวมในโรงพยาบาลจำนวน 5,888 เตียง ใช้ไป 2,555 เตียง คิดเป็นอัตราการครองเตียงทั้งหมดร้อยละ 43.39 ในส่วนของศักยภาพเตียง สำนักการแพทย์และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล จำนวน 1,148 เตียง ครองเตียง 440 เตียง คิดเป็นร้อยละ 38.33 เตียงว่าง 708 เตียง คิดเป็นร้อยละ 61.67

 

โดยจำแนกประเภทสถานพยาบาลแบ่งเป็น โรงพยาบาลหลัก 448 เตียง ครองเตียง 333 เตียง คิดเป็นร้อยละ 74.33 เตียงว่าง 115 เตียง คิดเป็นร้อยละ 25.67 และโรงพยาบาลสนาม 700 เตียง ครองเตียง 107 เตียง คิดเป็นร้อยละ 15.29 เตียงว่าง 593 เตียง คิดเป็นร้อยละ 84.71

 

สำหรับการเตรียมรับมือสถานการณ์โรคฝีดาษลิง ได้มีการประชุมแลกเปลี่ยนความรู้และถอดบทเรียนกรณีผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายแรกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเชิญชวนสถานพยาบาลใน กทม. ทั้งหมด 203 แห่ง โรงพยาบาลที่เป็นเครือข่ายเฝ้าระวังโรคกับกองควบคุมโรคติดต่อ และมีสถานพยาบาลที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 190 แห่ง นอกจากนี้ยังให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการรักษาพยาบาล การส่งต่อ และการป้องการติดเชื้อฝีดาษลิงในสถานพยาบาล รวมทั้งการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อด้วย

 

ส่วนของความคืบหน้าการบูรณาการข้อมูลจุดเสี่ยงความปลอดภัยเพื่อพัฒนาฐานข้อมูลดิจิทัล BKK Risk Map โดยการดำเนินงานที่ผ่านมาได้มีการลงพิกัดสถานีดับเพลิงและกู้ภัย 47 สถานี และจำนวนหัวจ่ายน้ำดับเพลิง 23,598 หัว นอกจากนี้จะมีการรวบรวมฐานข้อมูลจุดมืด สถิติอาชญากรรม อุบัติเหตุ น้ำท่วม พื้นที่ต่ำ โรงงานอุตสาหกรรม ชุมชนที่เกิดอัคคีภัยบ่อยๆ

 

รวมถึงในอนาคตจะมีการเก็บข้อมูลถังดับเพลิงในชุมชน รวมทั้งจุดเปราะบางในพื้นที่ ทั้งเชิงกายภาพและระบบสังคม เช่น ศูนย์เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้น โดยผู้ว่าฯ กทม. เสนอว่า ควรมีแพลตฟอร์มกลางที่รวบรวมความเสี่ยงในหลายมิติ ซึ่งมอบให้สำนักการวางผังและพัฒนาเมืองเป็นเจ้าภาพหลักในการพัฒนา และทำรูปแบบที่เขตสามารถนำเข้าข้อมูลได้ง่ายและสะดวก แต่ในระยะสั้นให้สำนักงานเขตอัปเดตข้อมูลเป็นปัจจุบันก่อน

 

ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักการระบายน้ำได้รายงานการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำหนุน ในปี 2565 โดยเตรียมแผนรับมือน้ำหลากและน้ำทะเลหนุน ดำเนินการตรวจสอบจุดรั่วซึมของแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาคลองบางกอกน้อยและคลองมหาสวัสดิ์ ความยาว 79.63 กิโลเมตร เรียงกระสอบทรายในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันถาวรและบริเวณแนวป้องกันที่มีระดับต่ำ ยาว 2,918 เมตร

 

ติดตามสถานการณ์น้ำเหนือกับกรมชลประทาน และกำหนดเกณฑ์การร่วมบริหารจัดการน้ำผ่านกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง และส่งเจ้าหน้าที่ตรวจตราจุดที่คาดว่าจะมีปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าท่วมพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบความพร้อมของสถานีสูบน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 85 สถานี ให้พร้อมทำงานตลอดเวลา

 

รวมทั้งแผนรับมือสถานการณ์ฝน ควบคุมระดับน้ำในคลอง เตรียมความพร้อมของอุโมงค์ระบายน้ำ แก้มลิง Water Bank บ่อสูบน้ำและสถานีสูบน้ำ ระบบคลอง ระบบท่อระบายน้ำ ระบบไฟฟ้าสำรอง เครื่องผลักดันน้ำ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและปริมณฑล ในส่วนของศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม ติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและสถานการณ์ฝนตลอด 24 ชั่วโมง และรายงานตรวจวัด ติดตาม แจ้งเตือนจากเรดาร์ตรวจวัดสภาพอากาศ 2 แห่ง (หนองแขมและหนองจอก) ซึ่งรายงานทุก 15 นาที ในแต่ละวัน พร้อมทั้งประสานแจ้งหน่วยปฏิบัติการเข้าแก้ไขสถานการณ์ เตรียมความพร้อมจุดตรวจวัดน้ำท่วม รวมทั้งให้การช่วยเหลือและสนับสนุนสำนักงานเขตด้วย

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X