วันนี้ (24 มิถุนายน) ที่ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เป็นประธานพิธีและให้โอวาทแก่ผู้สอบแข่งขันได้ กรณีบรรจุใหม่ในตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการจำนวน 15 ตำแหน่ง 275 ราย
โดยชัชชาติกล่าวว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญมากที่ได้มาพูดกับทุกคน เพราะกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในอนาคตก็อยู่ในมือของทุกคน งบประมาณกว่าร้อยละ 40 จะต้องถูกจัดสรรมาดูแลเจ้าหน้าที่ กทม. กว่า 80,000 ชีวิต การที่ได้มาคุยกันถึงทิศทางจากนี้จึงสำคัญ ทั้งนี้ สิ่งที่มาถ่ายทอดให้ฟังวันนี้อาจไม่ได้เกี่ยวกับงาน กทม. ทั้งหมด แต่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตที่อยากมาแบ่งปัน
ชัชชาติกล่าวว่า ตนเองเคยผ่านงานมาหลายรูปแบบ หลายด้าน ทั้งงานอาจารย์ งานนักการเมือง งานนักธุรกิจ และงานผู้ว่าฯ ที่ทำอยู่ขณะนี้ พร้อมยกตัวอย่างเนื้อหาในหนังสือ Think Again ที่ฉบับแปลภาษาไทยเป็นผู้เขียนคำนิยม สำหรับสาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้ตรงตามชื่อหนังสือคือ ชีวิตจะต้อง Think Again คิดใหม่ ตั้งข้อสงสัยกับสิ่งที่เคยรู้ เคยเรียน ต้องอยากรู้กับสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา เพราะความไม่รู้ที่อยู่ในตัวของคนมีมากกว่าความรู้
ชัชชาติกล่าวว่า จะทำหน้าที่สรุปเนื้อหาในหนังสือมาเล่าให้ฟัง เริ่มต้นที่คำว่า ‘จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว’ เป็นประโยคที่สำคัญ เพราะถ้าจิตกำหนดความคิดได้สุดท้ายกายก็จะตามมา อย่างการที่ตนออกไปวิ่งทุกวันเกิดจากจิตที่นำว่าจะต้องดูแลสุขภาพแล้วร่างกายก็จะตามไปเอง
การที่เราเปลี่ยนความคิดได้เราก็เปลี่ยนโลกได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเปลี่ยนความคิดได้ก็จะเปลี่ยน กทม. ได้ แต่ถ้าไม่เริ่มต้นจากการเปลี่ยนความคิดเราก็จะเปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย การที่นำตัวเองไปยึดติดกับอะไรสักอย่างและทำให้ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอะไร สุดท้ายก็จะเป็นการกลับมาทำลายตัวเอง
พร้อมยกตัวอย่างหนังสือเล่มที่สอง Designing Your Life ของผู้เขียน Bill Burnett & Dave Evans ที่กล่าวไว้ว่า “ชีวิตต้องมีการออกแบบ” ของในห้องบรรยายที่ใช้ทุกอย่างมีการออกแบบ ยกเว้นชีวิตตัวเอง หลักสำคัญในการออกแบบชีวิตตัวเองคือ การปรับความคิด ปริญญาไม่ใช่สิ่งที่กำหนดชีวิต และการประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เพราะถ้าเราคิดอย่างนั้นทุกวันจะต้องหาการประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ ชีวิตต้องอยู่ในสมดุลระหว่างชีวิตกับงาน ชีวิตกับครอบครัว แล้วความสุขจะตามมา
ชัชชาติกล่าวว่า ยินดีที่จะดูแลทุกคนให้เหมือนคนในครอบครัว ยกเว้นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะถ้าเหตุการณ์ทุจริตเกิดขึ้นในครอบครัว สมาชิกในบ้านอาจให้อภัยกันและเริ่มใหม่ได้ แต่สำหรับเจ้าหน้าที่ กทม. จะไม่ใช่
“ถ้าคุณทุจริตแล้วผมรู้ มันต้องดำเนินการเด็ดขาด สุดท้ายต้องไล่ออก เราจะไม่ทำแบบคนในครอบครัว ผมจะไม่ทำเหมือนพวกคุณเป็นคนในครอบครัวในเรื่องที่เรารับไม่ได้ เช่น การทุจริตคอร์รัปชัน”
ชัชชาติกล่าวว่า การที่เราหยุดที่จะเรียนรู้เปรียบเหมือนการค้างอยู่บนภูเขาแห่งความโง่ และเมื่อมาถึงจุดหนึ่งจะรู้ตัวว่าเราไม่รู้อะไรเลย เพราะฉะนั้นอย่าค้างอยู่บนภูเขาแห่งความโง่ ต้องพัฒนาตัวเองให้ได้ตลอด สุดท้ายเราถึงจะรู้จริง และย้ำว่าทุกคนอย่าตกเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ ‘ได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับผม เหมาะสมครับท่าน’ ตนเชื่อว่าถ้าไม่เห็นด้วยต้องกล้าที่จะแสดงความเห็นออกมา
“คอยอ่อนน้อมถ่อมตนในความรู้ อย่าผยองว่าตัวกูนั้นยิ่งใหญ่ คอยยำเกรงความไม่รู้คู่กันไป อย่าหยุดใฝ่แสวงหาปัญญาเติม ร่วมคิดใหม่ทำใหม่ด้วยใจเปิด ร่วมให้เกิดความสงสัยเพื่อส่งเสริม ร่วมตรวจทานทบทวนความเชื่อเดิม เพื่อให้เพิ่มปัญญาใหม่ไว้แบ่งปัน ขอคิดใหม่ทำใหม่ได้ประโยชน์ ลดความโกรธคลายความเกลียดสร้างความฝัน Think Again สร้างสิ่งใหม่ไปพร้อมกัน ช่วยสร้างสรรค์กรุงเทพฯ ดีให้เป็นจริง” ชัชชาติกล่าวทิ้งท้ายในการอบรมข้าราชการกรุงเทพมหานครที่บรรจุใหม่ ย้ำให้อาศัยช่วงเวลาเริ่มต้นทำงานในการแสวงหาความรู้ให้มากที่สุดก่อนที่จะเติบโตในหน้าที่การงานในอนาคต เพื่อสร้างกรุงเทพมหานครให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กทม. ได้เรียกตัวผู้สอบแข่งขันได้ ตามประกาศผลการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ครั้งที่ 1/2524 จำนวน 28 ตำแหน่ง ให้รายงานตัวเพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีผู้สอบแข่งขันได้มารายงานตัวทั้งสิ้นจำนวน 644 ราย
แยกเป็นกรณีบรรจุใหม่จำนวน 604 ราย และเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญจำนวน 40 ราย สำนักงานการเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวผู้สอบแข่งขันได้กรณีบรรจุใหม่ เพื่อไปทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการไปยังสำนักและสำนักงานเขตในตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานแล้ว เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน จำนวน 326 ราย
