×

เศรษฐกิจไม่สะเทือน ‘ชาตรามือ’ เปิดเบื้องหลังแบรนด์ที่คนไทยยอมต่อคิวซื้อยาวเหยียด เตรียมขาย ‘ชาไทยไม่มีสี’

20.06.2025
  • LOADING...

หากพูดถึงแบรนด์ ‘ชาตรามือ’ จุดเริ่มต้นเกิดจากธุรกิจครอบครัวที่เปิดร้านขายชาจีนเล็กๆ ในเยาวราชเมื่อ 80 ปีก่อน ถึงวันนี้ได้พัฒนาสู่โรงงานผลิตชาครบวงจรในภาคเหนือและส่งต่อการบริหารให้เจเนอเรชันใหม่ๆ เข้ามารับไม้ต่อ หนึ่งในนั้นคือ พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ 

 

เริ่มฉายภาพว่า ความสำเร็จของชาตรามือ ไม่ได้อยู่แค่การขายเครื่องดื่มชาเท่านั้น แต่มีจุดแข็งของการบริหารธุรกิจที่มีรากฐานแข็งแรงและครบวงจร ปัจจุบันมีโรงงานเป็นของตัวเองตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงราย โดยใช้เป็นที่ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ชาตรามือและผลิตวัตถุดิบชา

 

ทำให้ปัจจุบันมีสินค้าภายใต้แบรนด์ชาตรามือมากถึง 50 SKU จำหน่ายในช่องทาง Modern trade และ Traditional trade ทั้งในประเทศและส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงช่องทาง E-Commerce และ ร้านขายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ชาตรามือ 

 

ปัจจุบันชาตรามือมีสาขาในไทยกว่า 220 แห่ง และในต่างประเทศอีก 124 แห่ง เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเปิดร้านในอเมริกา พบว่าผู้บริโภคให้ความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะเมนูยอดนิยมอย่าง ชากุหลาบและชาไทย และหลังจากปีที่แล้วได้เปิดตัวลายแก้ว Limited Edition ชาตรามือ x หมูเด้ง ก็สร้างกระแสให้ชาวต่างชาติแห่ตามหาแก้วหมูเด้งกันทั่วโซเชียล

 

เรียกได้ว่า ชาตรามือ กลายเป็นแบรนด์ชาสัญชาติไทยที่ได้รับการตอบรับจากทั้งคนไทยและต่างชาติ ทำให้แบรนด์กลายเป็นผู้นำตลาดชาไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 60–70% และยังสะท้อนภาพการเติบโตจากผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี ทั้งในแง่ของตัวเลขรายได้และกำไรของทั้งสองบริษัทในเครือเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

 

เมื่อมาดูตัวเลขรายได้ของบริษัท ชาไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตชายี่ห้อชาตรามือ

  • ปี 2565 มีรายได้รวม 2,104 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 43 ล้านบาท
  • ปี 2564 มีรายได้รวม 1,977 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท
  • ปี 2563 มีรายได้รวม 1,599 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท

 

ส่วนรายได้ของบริษัท ทิพย์ธารี จำกัด ที่ดำเนินการร้านชาตรามือ

  • ปี 2565 มีรายได้รวม 785 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท
  • ปี 2564 มีรายได้รวม 419 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท
  • ปี 2563 มีรายได้รวม 446 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 49 ล้านบาท

 

แม้ภาพรวมของแบรนด์จะสดใสแต่ท่ามกลางตลาดชาในไทยที่มีการแข่งขันสูง จากทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์จีนที่ต่างนำเครื่องดื่มเข้ามาเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ‘ชาตรามือ’ ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด  

 

ชาตรามือ

 

ก้าวต่อไปของชาตรามือ มีเป้าหมายก้าวไปสู่โกลบอลแบรนด์ โดยการนำชาไทยไปสู่เวทีสากล โดยปัจจุบันบริษัทได้ขยายตลาดส่งออก ทั้งการนำโปรดักต์ ชาเขียว ชาไทย ชาอู่หลง และชากุหลาบ ส่งออกไปต่างประเทศ พร้อมกับขยายสาขาไป 23 ประเทศใน 5 ทวีป จนปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 124 แห่ง โดยรวมแล้วในประเทศที่เราไปยังไม่เจอปัญหาอะไร เพราะมีพาร์ตเนอร์ในแต่ละประเทศช่วยส่งเสริมการยอมรับแบรนด์ได้ค่อนข้างดี

 

“แต่ต้องยอมรับว่าความปั่นป่วนของเศรษฐกิจโลก มีกระทบบ้างในบางประเทศ เช่นเมียนมา แต่ไม่ถึงกับกระทบยอดขายเราโดยตรง ส่วนในกัมพูชาที่กำลังมีปัญหาการเมืองระหว่างประเทศกับไทย ตอนนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ประเมินว่าถ้าสถานการณ์รุนแรงถึงขั้นมีปิดด่านก็จะกระทบแน่นอน ต้องติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด”

 

ถึงอย่างไร ในปีนี้ยังมีแผนเปิดร้านเพิ่มอีก 4 ประเทศ จะเน้นเปิดในแถบเอเชีย และแอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพด้านการดื่มชากันอยู่แล้ว ส่วนประเทศไทยแม้จะมีสาขาอยู่มากแล้ว แต่ยังมีแผนขยายสาขาใหม่ปีละ 10-20% โดยเน้นไปเปิดในเมืองรองที่ยังไม่มีสาขา คาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีสาขารวมกันกว่า 250 แห่ง 

 

ขณะเดียวกันยังโฟกัสไปที่การพัฒนาสินค้าเครื่องดื่ม เกาะตามเทรนด์ใหม่ๆ เริ่มตั้งแต่ การลอนช์เมนูชาไทยสีธรรมชาติ หรือชาไทยไม่มีสี ซึ่งจะเป็นสูตรเดียวกับชาไทยสีส้มปกติ เพียงแต่นำสีแต่งอาหารออกจากสูตร แม้ต้นทุนจะสูงกว่าชายไทยปกติประมาณ 20% แต่จะขายราคาเท่ากับชาไทยเดิม โดยจะเริ่มทดลองตลาดในเดือนกรกฎาคมนี้ ควบคู่กับการลอนช์เมนูไอศกรีมรสชาไทยและชาเขียว และเครื่องดื่มชาฟังก์ชันนัลดริงก์ คอมบูฉะชา ซึ่งจะเปิดขายในเดือนสิงหาคมนี้

 

นอกจากนี้ยังลงทุนกว่า 5 ล้านบาท พัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ ให้ลูกค้าสั่งเครื่องดื่มผ่านช่องทางออนไลน์ได้ โดยที่ไม่ต้องเดินไปสั่งกับพนักงาน ซึ่งตามหลักจิตวิทยาแล้ว ถ้าลูกค้าเห็นร้านไหนคิวยาว จะไม่อยากเข้ามาซื้อ แต่ถ้าเรามีแอปก็จะช่วยลดเวลาการต่อคิวได้ คาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการได้ภายในไตรมาส 3 นี้ และที่สำคัญแอปจะช่วยให้บริษัทสามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคมาต่อยอดในการทำตลาดให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด

 

กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ ยังแสดงความเห็นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังซบเซา กำลังซื้อผู้บริโภคน้อยลง มองว่าสินค้าประเภทเครื่องดื่มที่ราคาไม่สูงมากได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยกว่าสินค้าลักชัวรี 

 

แต่สิ่งที่น่ากังวลคือนักท่องเที่ยวจีนที่ไม่กลับมาเที่ยวไทย ทำให้สาขาที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสาขาในบิ๊กซี ราชดำริ ยอดขายไม่ค่อยสดใสมากนัก แต่ก็พยายามทำการตลาด เน้นกลยุทธ์คอลลาบอเรชัน ร่วมกับแบรนด์ใหญ่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาชาตรามือเคยจับมือกับ เป๊ปซี่ พัฒนาเมนูชาไทยยูซุบ๊วยมาขายหน้าร้านและคอลแลบกับ Universal Music Group ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม 

 

ในปีนี้เดินหน้าต่อ เตรียมเปิดตัวเมนูใหม่ร่วมกับซูชิโระ อาทิ พานาคอตต้าชาไทย และล่าสุดเตรียมจัดงานอีเวนต์ใหญ่ เทศกาลชาไทย รวมแบรนด์พาร์ตเนอร์มาออกบูธโชว์เมนูเด็ด ระหว่างวันที่ 19 – 21 กันยายน ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ถือเป็นการต่อยอดแบรนด์สู่กลุ่มเอนเตอร์เทนเมนต์ ทัวริสต์ และแฟชั่นไลฟ์สไตล์มากขึ้น

 

จากกลยุทธ์และความเคลื่อนไหวทั้งหมด คาดว่าจะทำให้ชาตรามือไปถึงเป้าหมาย ที่ต้องการทำรายได้แตะ 3,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20% ให้ได้ในสิ้นปีนี้ โดยปัจจุบันรายได้ในไทยอยู่ที่ 70% มาจากสินค้ามากกว่าเครื่องดื่ม ส่วนต่างประเทศมีสัดส่วนรายได้ 30%

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising