‘ความรัก’ ในมุมมองอันหลากหลายของ 4 สาว CGM48 คืออะไรกันนะ?
ไม่นานมานี้ 4 สาวสมาชิกวง CGM48 อย่าง ลูกเกด-พิมพ์ลภัส สุวรรณน้อย, แชมพู-กชพร ลีละทีป, หลิงหลิง-สลิลทิพย์ พนาอภิชน และ นีนี่-พิชญาภา สุปัญญา ได้มาร่วมส่งต่อซิงเกิลใหม่ Totsuzen Do Love Me! – โทษทีนะ…รักกันได้ไหม? ให้กับ THE STANDARD POP
และในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ พวกเธอจะพาทุกคนไปร่วมค้นหาคำตอบของ ‘ความรัก’ ในมุมมองของพวกเธอ ไม่ว่าจะเป็นความรักที่เต็มไปด้วยความสดใส หรือความรักที่เป็นแรงผลักดันให้เติบโตบนเส้นทางไอดอล
มาสำรวจหัวใจของพวกเธอผ่านเรื่องราวที่จริงใจ อ่อนโยน และเต็มไปด้วยเสน่ห์ ในแบบฉบับของ CGM48 ไปพร้อมกัน!
ความรักในอุดมคติของแต่ละคนหน้าตาเป็นอย่างไร
Lookked: เวลาหนูรักอะไรสักอย่าง หนูจะเป็นคนที่ คลั่งรัก มากๆ เรียกได้ว่า Crazy in love เลยค่ะ ถ้าสิ่งที่หนูรักมีคอนเทนต์ให้ติดตามในโซเชียล หนูก็จะดูมันทุกวัน ทั้งวันเลย (หัวเราะ) แต่ถ้าวันหนึ่งเรารู้สึกว่าความรักที่มีต่อสิ่งนั้นๆ น้อยลง หรือมีสิ่งอื่นที่ดึงดูดใจเรามากกว่า เราก็อาจจะค่อยๆ เฟดตัวเองออกมา แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคงติดตามอยู่ห่างๆ เพราะโดยนิสัยแล้ว ถ้าได้รักอะไร หนูก็จะรักมากๆ และใส่ใจกับมันสุดๆ
Nenie: สำหรับหนู ความรักคือการฮีลใจค่ะ เวลาหนูรู้สึกเศร้าหรือเหนื่อยล้า พอได้มองสิ่งที่เรารัก มันทำให้หนูรู้สึกมีพลังขึ้นมา เหมือนโลกกลายเป็นสีชมพู อารมณ์คล้ายๆ กับตอนที่เราหวีดไอดอลหรือศิลปินที่ชอบ แล้วมันทำให้ยิ้มได้ตลอดเวลา
ยิ่งเวลาหนูอยู่บนเวที แล้วมองลงมาเห็นแฟนคลับ หนูรู้สึกมีกำลังใจมากๆ ทำให้รู้สึกอยากร้องและเต้นออกมาให้ดีที่สุด สำหรับหนูการได้รักแฟนคลับ ครอบครัว และเพื่อนๆ คือสิ่งที่ช่วยฮีลใจได้ดีมากจริงๆ
Champoo: หนูเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับ ‘ความรัก’ มากๆ ไม่ว่าจะเป็นการรักตัวเอง รักเพื่อน รักครอบครัว หรือแม้แต่การรักอะไรสักอย่าง เพราะแค่ได้รัก ก็สามารถทำให้เรามีความสุขได้
หนูรู้สึกว่าความรักอยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการถูกรัก หรือการที่เราได้มอบความรักให้กับใคร ทุกอย่างล้วนทำให้เรามีความสุขและเบิกบานใจ ทำให้เรามีพลังอยากใช้ชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้
อีกอย่างหนึ่งที่หนูคิดก็คือ ความรักไม่จำเป็นต้องมากเกินไป หรือน้อยเกินไป หนูมองว่าความรักที่พอดีๆ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และสำหรับหนูเอง ความรักก็เป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตของหนูเหมือนกัน
LingLing: เวลาหลิงนึกถึง ความรัก หลิงจะนึกถึงสุนัขที่บ้านกับครอบครัวก่อนเลย หลิงคิดว่าความรักคือการที่เราหวังดีกับใครสักคน โดยที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แค่เห็นเขามีความสุข เราก็มีความสุขแล้ว
และนอกจากคนรอบตัว หลิงคิดว่าความรักควรหมายถึงตัวเราเองด้วย คือเราควรจะรักตัวเอง แค่หวังให้ตัวเองมีความสุขด้วยเหมือนกัน
แต่ถ้าพูดถึงนิยามของความรักในแบบของตัวเอง ตอนนี้หลิงก็ยังหามันไม่เจอนะ เพราะหลิงรู้สึกว่าความรักสำหรับตัวเองตอนนี้มันยังไม่ได้มีคำจำกัดความที่แน่นอน
ถ้าให้เลือกเมมเบอร์ใน 48TH (รวม BNK48) มาเล่นบทพระเอก MV เพลงนี้ โดยที่เราเป็นนางเอก แต่ละคนจะเลือกใครและเพราะอะไร
Lookked: หนูขอข้ามวงไปเลือกพระเอกจาก BNK48 ค่ะ! หนูอยากสนิทกับรุ่นน้องให้มากขึ้น แล้วก็เห็นว่าน้องอาหลีเป็นคนน่ารักมาก หนูอยากให้น้องอาหลีมาเป็นพระเอก MV ของหนูค่ะ
คือน้องอาหลีก็กำลังมาแรง มีคนถ่ายรูปเยอะมาก แล้วหนูก็ชอบเห็นรูปน้องขึ้นฟีด มันทำให้หนูหลงรักรอยยิ้มที่สดใสของน้อง เวลาเห็นน้องยิ้มแล้วรู้สึกอยากสัมผัสแก้มเลย (หัวเราะ) ถ้าได้เล่น MV ด้วยกัน หนูคงเป็นคนเขินเหมือนเดิมแน่ๆ แล้วถ้าน้องต้องเล่นเป็นพระเอกที่ยืนนิ่งๆ มองมาที่หนู แล้วจู่ๆ ยิ้มมาให้ หนูก็คงใจละลายแน่นอน น้องอาหลีเป็นคนที่ฮีลใจได้ดีมากค่ะ
LingLing: อยากเล่นกับพี่ฮูพค่ะ! จริงๆ แล้วพี่ฮูพเป็นคนสวยนะ แต่บางมุมหนูรู้สึกว่าเขามีความเท่อยู่ในตัวมากๆ เลยอยากเห็นพี่ฮูพในมุมเท่ๆ กับตาตัวเองสักครั้ง อยากให้พี่ฮูพมาเป็นพระเอก MV ของหนูบ้าง
Champoo: ถ้าจะมองหาคนที่รู้สึกว่าเคมีน่าจะเข้ากับเรา หนูขอเลือกพี่เฟมค่ะ เพราะยังไม่เคยได้ทำงานด้วยกันในมุมของ MV เลย แต่เห็นแฟนๆ ชอบเอาคลิป (แชมพู-เฟม) ไปตัดต่อกันเยอะมาก เลยคิดว่าถ้าได้ลองจริงๆ ก็โอเคนะ (หัวเราะ)
Nenie: อันนี้หนูหวีดมาสักพักแล้วนะ แต่ไม่รู้ว่าน้องรู้ตัวไหม คนนั้นก็คือน้องพิมค่ะ! ช่วงหลังมานี้รู้สึกว่าน้องพิม หล่อมาก เท่มาก มีเสน่ห์สุดๆ โดยเฉพาะเวลาที่ขึ้นสเตจกับเพลงที่จะโชว์ความหล่อของน้อง หนูก็ตกหลุมรักเลย รักแรกพบของหนูก็คือท่านั่งน้องค่ะ คือน้องนั่งเท่มาก เวลาหนูหันไปมองแล้วรู้สึก เฮ้ย น้องน่ารักมาก แล้วน้องก็เป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นเก่งด้วย
ตอนที่เคยเป็นเซ็นเตอร์คู่กัน หนูยังมองน้องเป็นเด็กอยู่เลยนะ แต่พอน้องโตขึ้น น้องมีออร่าของความหล่อ ความเท่ ตกหลุมรักอะ อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน แต่เพิ่งมาตกหลุมรักเสียอย่างนั้น ทำไมก็ไม่รู้เนอะ (หัวเราะ)
คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ได้จากการบอกความรู้สึกหรือความห่วงใยกับใครสักคน
LingLing: สำหรับหลิง การบอกความรู้สึกออกไปเป็นสิ่งที่ดีค่ะ ถึงแม้ตัวหลิงเองจะเป็นคนคิดเยอะ คิดอยู่ตลอดว่าคำบางคำเราควรพูดออกไปไหม? แต่ถ้ามีใครมาบอกความรู้สึกดีๆ กับเรา เราก็จะรู้สึกดีมากๆ เลยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่มีค่ามากๆ
แม้ว่าหลิงยังไม่ค่อยรู้วิธีการบอกความในใจของตัวเองมากนัก แต่หลิงคิดว่าแค่เรากล้าที่จะพูดออกไป มันก็ดีแล้ว เพราะสุดท้ายมันคือการส่งต่อพลังงานดีๆ ให้กัน และมันก็อาจจะทำให้ใครสักคนได้รับความรู้สึกดีๆ กลับไปด้วย
Lookked: โดยปกติแล้ว เวลาหนูเห็นเพื่อนไม่สบายใจ หนูจะไม่ถามตรงๆ ว่า ‘เป็นอะไรไหม?’ หรือพยายามเซ้าซี้ เพราะกลัวว่าจะเป็นการตอกย้ำความรู้สึกของเขา ถ้าเขาสบายใจ หรือสามารถฮีลใจตัวเองได้ หนูก็จะดูสถานการณ์ก่อน แล้วค่อยชวนไปกินข้าว ไปเดินเล่นด้วยกัน
แต่ถ้าพูดถึงการบอกรัก ไม่ว่าจะเป็น ความรักแบบเพื่อน หรือความรักในรูปแบบอื่นๆ เอาจริงๆ เราก็กลัวความผิดหวังแหละ แต่ถ้าเลือกได้หนูจะเลือกพูดความรู้สึกออกไปมากกว่า โอเค มันไม่ได้สมหวังตามที่เราคาดหวังไว้ เราก็คงจะเสียใจ แต่คิดว่าถ้าเรามัวแต่เก็บไว้ในใจคนเดียว มันจะดูอึดอัด เลยคิดว่ายอมพูดออกไปตรงๆ เป็นการปลดล็อกความรู้สึกของตัวเอง และบางทีเราอาจจะได้มิตรภาพดีๆ กลับมาด้วย
Nenie: สำหรับหนู หนูคิดว่าการบอกความรู้สึกออกไปเป็นเรื่องที่ดีค่ะ เพราะปกติหนูเป็นคน ปากแข็ง ไม่ค่อยขี้อ้อน เวลาจะพูดคำว่า ‘รัก’ ก็มักจะรู้สึกเขินมากๆ หนูเลยเลือกที่จะแสดงออกทางการกระทำแทน เช่น การใส่ใจดูแลคนที่เรารัก
แต่เวลาที่เรารู้ว่ามีใครสักคนรักเราหรือให้ความรักเรากลับมา หนูจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษและมันทำให้เราอยากมอบความรักกลับไปให้เขาด้วย หนูเป็นคนที่ ชอบคนที่รักเรา หนูจะกล้าพูดสิ่งที่รู้สึกก็ต่อเมื่อเห็นว่าคนคนนั้น ให้ความรักหนูมากแค่ไหน
Champoo: สำหรับหนูการบอกความรู้สึกจะขึ้นอยู่กับกลุ่มคนที่เราพูดด้วยค่ะ ถ้าเป็นแฟนคลับ หนูก็อยากจะบอกความรู้สึกดีๆ กลับไป เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าอีกกี่ครั้งที่เราจะมีโอกาสบอกพวกเขาว่า ‘เรารักพวกเขานะ’ หรือขอบคุณที่คอยซัพพอร์ตเรา ถ้ามีโอกาสได้บอก หนูก็อยากจะพูดออกไปจากใจจริงๆ
เพราะช่วงแรกๆ ที่อยู่ในวงหนูก็ไม่แน่ใจว่า เราจะรักคนกลุ่มหนึ่งที่เราไม่เคยรู้จักได้ยังไง? แต่พอเวลาผ่านไป เราได้ใช้เวลาร่วมกัน ได้ผูกพันกันมากขึ้น หนูถึงได้รู้ว่าเรารักแฟนคลับจริงๆ และทุกครั้งที่หนูบอกว่า ‘รักนะ’ มันออกมาจากความรู้สึกของหนูจริงๆ
แต่ถ้าเป็นกับเพื่อนพี่ในวง หนูก็บอกตลอดนะ (หัวเราะ) เพราะว่าหนูเป็นคนที่ชอบฟังคำพูดดีๆ อยู่แล้ว ถ้าได้รับคำพูดดีๆ มา หนูก็อยากจะบอกออกไปให้คนอื่นรู้เหมือนกัน บางทีอาจจะติดเล่นบ้าง แต่จริงๆ ก็คือรักกันจริงๆ ค่ะ หรือถ้าหนูไม่ได้พูดออกไป หนูก็จะแสดงออกด้วยการใส่ใจ เทกแคร์ อยากดูแลคนที่หนูรัก เพราะสำหรับหนู ถ้ารักใครสักคน หนูก็อยากจะดูแลเขาให้ดีที่สุดค่ะ
ประสบการณ์ที่ความรักทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองไปแบบไหนบ้าง
Nenie: ความรักทำให้หนูอยากดูดีขึ้นในสายตาเขา อยากเริ่มหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เช่น ไปทำทรีตเมนต์หน้า ออกกำลังกาย พยายามทำให้ตัวเองดูดีขึ้น หนูรู้สึกว่าความรักเป็นพลังอย่างหนึ่งที่ผลักดันให้เราพัฒนาตัวเอง ให้กลายเป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้นค่ะ
Lookked: หนูคิดเหมือนนีนี่เลยค่ะ ความรักทำให้เราอยากดูแลตัวเองมากขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตา แต่รวมถึงทักษะและความสามารถด้วย เช่น ตอนนี้หนูได้รับหน้าที่กัปตันที่ต้องใช้การพูดสื่อสารมากขึ้น หนูก็ต้องฝึกฝนให้มั่นใจขึ้น เพื่อให้คนที่ติดตามเราเห็นว่าเราพัฒนาขึ้นจากแต่ก่อนมาก
ถ้าเรามีกลุ่มคนที่คอยส่งพลังบวกให้เรา เห็นว่าเราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น แฟนคลับ หนูรู้สึกว่ามันเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราอยากเก่งขึ้นไปอีก ทุกๆ คำชมเล็กๆ น้อยๆ เช่น ‘ลูกเกดพูดเก่งขึ้นนะ’ หรือ ‘เต้นดีขึ้นมากเลย’ มันเป็นพลังใจที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับเรา และยิ่งได้รับพลังใจที่ดี ทำให้หนูยิ่งอยากพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
Champoo: หนูรู้สึกว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ ความรักอยู่รอบตัวเราตลอด ไม่ว่าจะเป็นการถูกรักจากครอบครัว หรือการถูกใส่ใจจากคนรอบข้าง เช่น เวลาที่เรานั่งอยู่เฉยๆ แล้วมีคนเอาพัดลมมาให้เพราะเห็นว่าเราร้อน บางทีเราชินกับสิ่งเหล่านี้จนไม่รู้ตัว แต่นั่นก็คือ ความรัก ที่เราได้รับมาโดยตลอด
หนูคิดว่าความรักทำให้เราเป็นตัวเราในทุกวันนี้ แม้บางครั้งที่เราจะหลงลืมที่จะรักตัวเอง แต่การได้รับความรักจากใครสักคนหรือกลุ่มคน โดยเฉพาะแฟนคลับ มันทำให้เรากลับมามองตัวเองใหม่อีกครั้งว่าทำไมเราถึงไม่รักตัวเองล่ะ? คนอื่นยังรักเรา แล้วเราทำไมถึงจะไม่รักตัวเองล่ะ?
ความรักเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงเราให้เติบโตขึ้นในทุกๆ วัน ถ้าคนคนหนึ่งได้รับความรักที่ดี มันจะช่วยให้เขามีพลังในการใช้ชีวิตและเดินหน้าต่อไปได้ และหนูก็เชื่อว่าทุกคนเหมาะสมที่จะได้รับความรักที่ดีเสมอ
LingLing: พลังของความรักทำให้หลิงเปลี่ยนไปเยอะมากเลยค่ะ หลิงเป็นคนที่ชอบทำให้คนที่เรารักรู้สึกภูมิใจ เช่น ครอบครัว หรือแฟนคลับ มันกลายเป็นแรงผลักดันให้หลิงพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
ตั้งแต่การได้มายืนเป็นไอดอล หรือการไปเรียนนิติศาสตร์ หรือแม้แต่การลองทำอะไรใหม่ๆ ที่บางอย่างเราอาจไม่ได้อยากทำตั้งแต่แรก แต่เมื่อได้ลงมือทำจริงๆ เรากลับค้นพบว่าพลังแห่งความรักจากคนรอบตัว มันมีผลกับเรามาก มันทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความรักจากครอบครัว หรือจากแฟนคลับ หลิงรู้สึกว่ามันเป็นแรงผลักดันสำคัญที่เปลี่ยนให้หลิงเป็น หลิงในเวอร์ชันที่ดีขึ้นค่ะ
ถ้าเราเป็นแฟนคลับของตัวเอง คิดว่าเรากำลังหลงรักอะไรในตัวผู้หญิงคนนี้
Champoo: หนูชอบตัวเองในเรื่องความเป็นธรรมชาติ ตอนเด็กๆ หนูเคยตัดผมสั้นหน้าม้า ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก แต่พอโตขึ้นก็เริ่มเข้าใจว่าตัวเองเหมาะกับอะไร ไม่ว่าจะเป็นทรงผม หรือรอยยิ้มแบบไหนที่เป็นตัวเราจริงๆ ซึ่งทุกอย่างค่อยๆ เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
หนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวของตัวเองแบบนี้มาตลอดและอยากให้ตัวเองพัฒนาไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงเป็นตัวเองที่รักและภูมิใจในสิ่งที่เป็น โดยไม่ต้องพยายามเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อให้ถูกใจใคร เลยรู้สึกว่าหลงรักตัวเองด้านความเป็นธรรมชาติ แล้วก็ไม่หลงลืมตัวตนของตัวเอง
Nenie: บางทีหนูรู้สึกว่าแฟนคลับ รู้จักหนูดีกว่าที่หนูรู้จักตัวเองด้วยซ้ำ (หัวเราะ) แต่พอฟังจากคนรอบข้าง ก็รู้สึกว่าหนูเป็นคนที่สามารถทำให้คนรอบข้างยิ้มและหัวเราะได้ อย่างเช่น เวลาเพื่อนเศร้าอยู่ แค่เขามองหน้าหนู เขาก็ตลกแล้ว! เพื่อนๆ มักจะบอกว่า ‘เวลาอยู่กับหนูแล้วสนุก’ หรือ ‘อยู่ด้วยแล้วไม่ค่อยเครียด’ หนูชอบที่ตัวเองเป็นคนตลก และสามารถสร้างพลังบวกให้คนรอบข้างได้
อีกอย่างคือ หนูไม่ค่อยทำให้คนอื่นเครียดตาม แม้แต่เวลาที่ตัวเองเศร้า หนูก็ไม่ค่อยแสดงออกมากนัก จะพยายามแสดงพลังด้านบวกให้คนอื่นเห็นมากกว่า
LingLing: หลิงจะรักผู้หญิงคนนี้ เพราะว่าหลิงกล้าลงมือทำให้สิ่งที่รัก เป็นคนมีความตั้งใจสูง แน่วแน่ กับโอกาสหรือหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อาจจะมีมุมดื้อบ้าง (หัวเราะ) แต่ก็เป็นคนที่พร้อมจะทุ่มเทเต็มที่ และอีกอย่างหนึ่งเป็นคนสวยด้วยนะ! (ยิ้ม) หลิงคิดว่าทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ของตัวเองค่ะ
Lookked: หนูคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ ไม่ค่อยรักตัวเองเท่าไร เพราะชอบคิดมากกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทุกเรื่อง ตั้งมาตรฐานให้ตัวเองสูงมาก ทุกงานที่ทำต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด จนบางครั้งก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเรารักตัวเองน้อยลงหรือเปล่านะ?
แต่สิ่งที่คอยเติมพลังใจให้หนูเสมอก็คือกำลังใจจากแฟนคลับที่บอกว่า ‘ทุกคนรักลูกเกดที่เป็นลูกเกด’ นั่นทำให้หนูรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า และทำให้หนูอยากเป็นตัวเองให้ดีที่สุด
อีกมุมหนึ่งที่หนูเพิ่งสังเกตจากการใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ ที่มีพลังเยอะๆ คือการได้ออกมาเต้นกันแบบบ้าๆ บอๆ (หัวเราะ) มันทำให้หนูมองเห็นตัวเองว่าแม่เราจะดูโตก็จริง แต่ในจิตใจเรายังมีความสดใส มีความตลกที่หนูก็รักตัวเองในมุมนั้นนะ
เพียงแต่เวลานี้เราเป็นกัปตัน บางครั้งหน้าที่ตรงนี้ก็มาพร้อมกับความกดดัน จนบางที่ก็คิดนะว่าเราเผลอไปเครียดใส่เพื่อนบ้างหรือเปล่า แต่สุดท้าย หนูก็คิดว่าทุกคนเข้าใจ หนูเองก็พยายามกลับมาเป็น ลูกเกดที่สดใสขึ้น ทิ้งเรื่องเครียดไปบ้าง เพื่อให้ตัวเองเป็นตัวเองที่ดีที่สุดค่ะ โดยรวมคิดว่าหนูรักลูกเกดที่เป็นคนใส่ใจและทุ่มเทให้กับงานมากๆ ค่ะ
มีคำขอบคุณถึงตัวเองไหม? ที่ฝ่าฟันอุปสรรคและเรื่องราวต่างๆ มาถึงตรงนี้
Champoo: ช่วงนี้หนูรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากๆ เลยค่ะ รู้สึกว่าตัวเองกลับมาสดใสจากข้างในจริงๆ เวลาทำงานก็ยิ้มออกมาบ่อยๆ จนบางครั้งก็แอบตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘เราไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานเท่าไรแล้วนะ?’ หนูดีใจมากที่ตัวเองเข้มแข็งขึ้นในหลายๆ เรื่อง และขอบคุณตัวเองที่พยายามหาความสุขกลับมาให้ตัวเอง
หนูรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองสามารถบาลานซ์ความสุข-ความเศร้า หรือความผิดหวังต่างๆ ได้ดีขึ้น ขอบคุณที่เติบโตขึ้นจนถึงวันนี้ และขอให้ตัวเองมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่ลดน้อยลงก็พอ
Lookked: หนูไม่ค่อยได้ขอบคุณตัวเองเลย เพราะปกติจะมัวแต่ห่วงเรื่องอื่นๆ มากกว่าดูแลตัวเอง แต่พอได้มีโอกาสพูดตรงนี้ ก็อยากจะบอกตัวเองว่ากว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ มันยากมากนะ! ตอนแรกเข้าวงมาเพราะชอบร้องและเต้นเฉยๆ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เป็นกัปตัน หรือได้เป็นเซ็นเตอร์
แต่พอได้ทำตรงนี้ หนูคิดว่ามันเป็นการเริ่มต้นใหม่ของชีวิต และพยายามไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ขอบคุณตัวเองที่ยังสามารถรับมือกับหลายๆ สิ่งได้ดี ถึงแม้ว่ายังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะจากเพื่อนๆ และผู้ใหญ่ในวงก็ตาม
ขอบคุณตัวเองที่ยังมีความสดใสอยู่ อยากให้รักษาสิ่งนี้ต่อไป ขอให้นอนเยอะๆ ไม่ต้องเครียดเรื่องงานมาก ปล่อยมันไปบ้าง เธอเก่งมากนะลูกเกด!
Nenie: หนูอยากขอบคุณตัวเองที่เติบโตขึ้นค่ะ รู้สึกว่าผ่านอะไรมาเยอะมาก โดยเฉพาะความผิดหวัง ที่เจอมาแทบจะทุกรูปแบบ แต่ก่อนหนูไม่ได้เป็นคนที่ถูกเลือกให้ทำอะไรเท่าไร แต่หนูก็ค่อยๆ พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ ด้วยแพสชันที่มีอยู่ข้างใน และคอยผลักดันตัวเองจนมาถึงจุดนี้
ทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ แล้วหนูก็ค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมา หนูเชื่อว่าแฟนคลับก็คงได้เห็นหนูเติบโตไปพร้อมๆ กับที่หนูเห็นตัวเอง ขอบคุณตัวเองที่ไม่ยอมแพ้ ขอบคุณที่มีความมั่นใจมากขึ้น พยายามปล่อยวางมากขึ้น แม้บางครั้งจะยังมีมุมที่ต้องไปร้องไห้คนเดียวก็ตาม
จากนี้ไป หนูจะตั้งใจทำตามความฝันของตัวเองให้เต็มที่ และจะใช้ทุกช่วงเวลาตรงนี้ให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อผลักดันตัวเองไปถึงจุดที่ฝันไว้ ขอบคุณตัวเองที่ทำงานหนักมาตลอดนะ!
LingLing: ขอบคุณตัวเองที่อดทนค่ะ รู้สึกว่าอดทนเก่งขึ้นมากๆ เพราะเดิมทีหนูเป็นลูกคนเล็ก ไม่ค่อยต้องอดทนกับอะไรขนาดนี้ แต่พอมาอยู่ที่นี่ เราต้องดูแลตัวเอง ต้องอยู่ตัวคนเดียว แถมยังเป็นพี่ใหญ่ของรุ่น 3 ด้วย เลยต้องทำในสิ่งที่ลูกคนเล็กแบบหนูไม่ค่อยได้ทำ
จากที่เคยเป็นคนขี้งอแงมาก ตอนนี้ก็แทบจะไม่งอแงแล้ว (หัวเราะ) หนูคิดว่าตัวเอง อดทนกับทุกอย่างมากขึ้น อดทนอย่างมีความสุขด้วย เพราะสุดท้ายแล้ว เราก็ยังได้ทำสิ่งที่รัก
ขอบคุณตัวเองที่ยังมีความสุขอยู่ตรงนี้ และขอให้ตัวเองมีความสุขแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ขอบคุณที่อดทนจนได้เป็น เซ็มบัตสึ ดีใจที่วันนี้มีคนเห็นเรามากขึ้นแล้ว และอยากให้คนเห็นเราเยอะขึ้นต่อไปเรื่อยๆ
ฟังเพลง Totsuzen Do Love Me! – โทษทีนะ…รักกันได้ไหม?: CGM48