บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ผู้บริหารและพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เปิดแถลงการณ์ยืนยันโครงการ ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ดำเนินการก่อสร้างตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทาง ทอท. (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด) ได้ออกมาเปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวบุกรุกพื้นที่ ใช้พื้นที่โดยพลการ ซึ่งอาจเป็นปัญหาขัดต่อกฎการบินสากล จนเรื่องบานปลายถึงขั้นที่ ทอท. ได้ปิดกั้นทางเข้า-ออกโครงการ
พร้อมกันนี้ซีพีเอ็นยังได้เปิดเผยข้อมูลการดำเนินการพัฒนาสร้างโครงการเซ็นทรัล วิลเลจตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2558-2562) ยืนยันว่า บริษัทได้รับการอนุญาตและดำเนินการอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ปี พ.ศ. 2558 บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบที่ดินว่าที่ดินดังกล่าวนั้นสามารถพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ได้ตาม พ.ร.บ. ผังเมือง และที่ดินติดถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ไม่ใช่ที่ดินตาบอดแต่อย่างใด
- 22 ธันวาคม 2559 บริษัทได้รับหนังสือรับรองการใช้ประโยชน์ที่ดินตาม พ.ร.บ. ผังเมืองว่า พื้นที่สีเขียวบริเวณ ก1-10 ของผังเมืองสมุทรปราการ ยังมีพื้นที่เพียงพอให้บริษัทสร้างโครงการนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- 30 มกราคม 2560 และ 25 กรกฎาคม 2562 ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างและแบบปรับปรุง ภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)
- 24 เมษายน 2561 ได้ใบอนุญาตการก่อสร้างอาคาร (อ1) จาก อบต. บางโฉลง และแถลงข่าวเปิดตัวโครงการครั้งแรกต่อสาธารณชน
- 10 เมษายน 2562 กรมทางหลวงได้อนุญาตให้การประปาใช้พื้นที่ไหล่ทางในการดำเนินการวางท่อเข้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ
- 24 กรกฎาคม 2562 กรมทางหลวงได้อนุญาตให้ทำทางเชื่อมเข้าออก ขยายผิวจราจรและปรับปรุงทางเท้า ซึ่งรวมไปถึงไหล่ทางด้วย เช่นเดียวกับที่เคยได้อนุมัติเชื่อมทางให้กับผู้ร้องขอรายอื่นบนถนนสายนี้ทั้งสิ้น 37 ราย รวมถึง ทอท. ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยขออนุญาตจากกรมทางหลวงมาโดยตลอด และล่าสุดเมื่อ 14 พฤษภาคม 2562 ได้มีหนังสือจากกรมทางหลวงอนุญาตให้ ทอท. เดินท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินและบ่อพัก ทั้งนี้ไม่ปรากฏว่าเคยมีผู้ใช้ประโยชน์รายใดยื่นขออนุญาตเชื่อมทางจาก ทอท. เลย
- 14 สิงหาคม 2562 บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเปิดใช้อาคาร (อ6) จาก อบต. บางโฉลง
- 22 สิงหาคม 2562 ทอท. มาปิดกั้นทางเข้า-ออก หน้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ
- 31 สิงหาคม 2562 มีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ
ซีพีเอ็นยังชี้แจงอีก 3 ประเด็นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยระบุว่า
1. พื้นที่โครงการมีการเชื่อมทางเข้าออกอย่างถูกต้อง ไม่มีการรุกล้ำที่ดินของภาครัฐ (ที่ดินราชพัสดุ ลำรางสาธารณะ) และไม่ได้เป็นที่ดินตาบอด
- ที่ดินที่ราชพัสดุได้จัดหาและมอบให้กรมทางหลวงสร้างเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 และให้กรมทางหลวงเป็นผู้ดูแล เป็นพื้นที่คนละส่วนกับที่ดินที่เวนคืนของสนามบินสุวรรณภูมิที่ ทอท. ดูแล
- โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ตั้งอยู่บนที่ดินที่ติดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 จึงมีการขออนุญาตโดยตรงจากกรมทางหลวง ซึ่งมีอำนาจเต็มในการอนุมัติการเชื่อมทางแต่ผู้เดียวเท่านั้น
- พื้นที่ที่กรมทางหลวงดูแลรับผิดชอบ หมายรวมถึงเขตทางและไหล่ทาง ซึ่งติดกับที่ดินของเอกชน 2 ข้างถนน ซึ่งที่ดินของโครงการมีแนวเขตแนบสนิทต่อเนื่องกับเขตทางของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ดังนั้นที่ดินของโครงการจึงไม่ใช่ที่ดินตาบอด
2. บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามกฎหมายผังเมืองอย่างเคร่งครัด
- โครงการนี้ได้ปฏิบัติตามและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องในการก่อสร้างในพื้นที่สีเขียว บริเวณ ก1-10 ไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดินพื้นที่สีเขียวบริเวณดังกล่าว โดยโครงการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายผังเมือง ไม่ได้มีการขอปรับผังเมืองแต่อย่างใด
3. บริษัทฯ ได้ขออนุญาตก่อสร้างในบริเวณพื้นที่เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย อย่างถูกต้อง
- มีความปลอดภัยต่อการบิน ไม่ได้ละเมิดกฎใดๆ ทั้งความสูง ไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานสนามบิน หรือรบกวนการบินแต่อย่างใด โดยแบบมีความสูงที่ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จึงไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการติดธงแดงตามที่มีการกล่าวอ้าง
“จากที่ได้กล่าวข้างต้น เป็นข้อมูลที่ได้มีการเปิดเผย และยินดีให้มีการตรวจสอบจากภาครัฐเพื่อแสดงความจริงใจ และซีพีเอ็นยินดีให้ความร่วมมือชี้แจงในทุกประเด็น บริษัทมั่นใจว่าภาครัฐจะสามารถช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้ เพื่อให้การร่วมมือครั้งนี้นำไปสู่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อร่วมกันเดินหน้าประเทศไทย และเพื่อให้บริษัท ร้านค้ากว่า 170 ร้านค้า และพนักงานกว่า 1,000 คน พร้อมเปิดให้บริการตามกำหนดการเดิม” ซีพีเอ็นกล่าวผ่านแถลงการณ์
สำหรับเซ็นทรัล วิลเลจ เป็นโครงการค้าปลีกแห่งใหม่ (ลักชัวรี เอาต์เลต) ที่มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 5,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 100 ไร่ (พื้นที่โครงการ 40,000 ตารางเมตร) ของเครือเซ็นทรัลพัฒนา ตัวโครงการอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิราว 11 กิโลเมตร ตั้งเป้าว่าน่าจะมีผู้ใช้บริการมากกว่า 6-10 ล้านคนต่อปี (65% คนไทย 35% ชาวต่างชาติ) โดยกำหนดการเปิดให้บริการเดิมคือวันที่ 31 สิงหาคมนี้ อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้กำหนดการเปิดให้บริการต้องเลื่อนออกไปหรือไม่
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า