ดูเหมือนว่าตลาดลักชัวรีเอาต์เล็ตในเมืองไทยจะเทียบชั้นเอาต์เล็ตระดับโลกเข้าไปทุกที เมื่อผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ดึงยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาฯ ระดับโลก บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย หนึ่งในบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่มีบริษัทในเครือเป็นผู้พัฒนาเอาต์เล็ต ซึ่งมีสาขา 9 แห่งทั่วญี่ปุ่น เช่น โกเทมบะ ริงกุ ชิซุย ลงนามเซ็นสัญญาเข้าถือหุ้นในโครงการ ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ลักชัวรีเอาต์เล็ตแห่งแรกของไทย ในสัดส่วน 70:30 โดยหุ้นใหญ่ 70% ถือครองโดย CPN ดึงเม็ดเงินกว่า 1,000 ล้านบาท สู่ประเทศไทย
การได้ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาฯ จากต่างชาติมาร่วมถือหุ้น 30% แสดงได้เห็นว่า กลุ่มทุนญี่ปุ่นมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย CPN เอง ก็หวังจะยกระดับลักชัวรีเอาต์เล็ตสู่ความสำเร็จ เพื่อสร้างประสบการณ์เทียบชั้นเอาต์เล็ตระดับโลก โดยเฉพาะเอาต์เล็ตยอดนิยมในญี่ปุ่น ด้วยแนวคิด ‘World-Class Outlet with Thai-Japanese Hospitality’ พร้อมผลักดัน ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ขึ้นเป็นอันดับเบอร์หนึ่งลักชัวรีเอาต์เล็ตที่ดีที่สุดในอาเซียนสู่ความสำเร็จร่วมกัน
ชูคอนเซปต์ ‘Two Nations, One Success’ สร้างความสำเร็จร่วมกัน ผ่านการลงนามระหว่างสองผู้นำด้านอสังหาฯ ได้รับเกียรติจาก ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, ปริญญ์ จิราธิวัฒน์, สุทธิลักษณ์ จิราธิวัฒน์, วัลยา จิราธิวัฒน์, สุทธิภัค จิราธิวัฒน์ และ อัตสึชิ ทาเคทานิ ร่วมงาน
ปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือกันในครั้งนี้ว่า “ถือเป็นโอกาสสำคัญทางธุรกิจของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งได้สะท้อนนโยบายของบริษัทฯ ในการแสวงหาพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และสิ่งที่ดีที่สุด ตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน โครงการเซ็นทรัล วิลเลจถือเป็นฟอร์แมตใหม่ในรูปแบบ Luxury Outlet ระดับโลก ซึ่งมาเปิดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และยังได้พาร์ตเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ระดับโลก เข้ามาเป็นหุ้นส่วนพันธมิตร หลังจากที่ได้พูดคุยเจรจากันมาเป็นเวลานาน อีกทั้งหลังจากที่บริษัทได้เปิดให้บริการเซ็นทรัล วิลเลจอย่างประสบความสำเร็จตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยิ่งสร้างความชัดเจนให้พาร์ตเนอร์ที่มีประสบการณ์อย่างมิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย เชื่อมั่นและมั่นใจในการเข้ามาร่วมลงทุน เพื่อร่วมกันต่อยอดความสำเร็จยิ่งขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง”
ความแข่งแกร่งที่จะเกิดขึ้นของเซ็นทรัล วิลเลจ เมื่อได้พาร์ตเนอร์อย่างมิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย มาเสริมทัพคือ
1. นำ Know-How และประสบการณ์ของมิตซูบิชิ เอสเตท เอเชียมาร่วมพัฒนาการบริหารงานและการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น ยังเป็นการเพิ่มเอกลักษณ์ของลักชัวรีเอาต์เล็ตให้เป็น World-class Outlet with Thai-Japanese Hospitality ซึ่งมีความแข็งแกร่งในการให้บริการ รู้จักลูกค้าและตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นอย่างดี เพื่อสร้างประสบการณ์เทียบชั้นเอาต์เล็ตชื่อดังระดับโลก รวมทั้งเอาต์เล็ตในประเทศญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมของคนไทยได้
2. เสริมจุดแข็งในการนำแบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมถึงแบรนด์ญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมของคนไทย มาเสริมความครบครันของเซ็นทรัล วิลเลจ และช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศ ส่งเสริมการส่งออกสินค้าแบรนด์ไทยไปญี่ปุ่นด้วย
3. ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในประเทศไทยมาช้อปปิ้งที่โครงการ เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ผ่านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและโปรโมชันร่วมกันในด้านต่างๆ เช่น ไทยแลนด์-เจแปน เอ็กซ์โป
ด้าน ยูทาโร โยซุซูกะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย เองก็เชื่อว่า การร่วมทุนในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยและระดับโลก และยังเป็นครั้งแรกที่บริษัทเปิดพอร์ตโฟลิโอใหม่ รุกธุรกิจเอาต์เล็ตครั้งแรกในไทย “บริษัทฯ ได้คำนึง 3 ปัจจัยหลัก อันดับแรกคือ เรามองเห็นศักยภาพประเทศไทยที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว อันดับต่อมาคือ เรื่องความเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญของ CPN ผู้นำเบอร์ 1 อสังหาฯ ของไทย ที่ดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์การสร้าง ‘Center of Life’ สอดคล้องกับคติพจน์ ‘A Love for People / A Love for the City’ ของมิตซูบิชิ เอสเตท เราจึงเชื่อมั่นว่า CPN คือพาร์ตเนอร์ที่เหมาะสมที่สุดในการรุกตลาดลักชัวรีเอาต์เล็ตในประเทศไทย และสิ่งสุดท้ายคือ ความสำเร็จของ ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ด้วยโลเคชันของโครงการที่ใกล้กับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ที่มีนักเดินทางมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองอันดับต้นๆ ที่น่าท่องเที่ยวที่สุดของโลก มีการผสมผสานบรรยากาศของหมู่บ้านไทยในสไตล์ไทยโมเดิร์น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโครงการและเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว โครงการนี้จึงมีจุดแข็งที่น่าสนใจ และมีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างมากในประเทศไทย”
ยูทาโร โยซุซูกะ ยังกล่าวถึงแนวโน้มของนักลงทุนญี่ปุ่นก็เลือกเข้ามาลงทุนในไทยมากติดอันดับท็อป 3 เป็นอันดับ 1 ใน EEC หรือเขตเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดของไทย ด้วยเม็ดเงินกว่า 1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของการลงทุนในพื้นที่ EEC ทั้งหมด ประเทศญี่ปุ่นยังเป็นเมืองแบรนด์เนมในฝันของนักท่องเที่ยวชาวไทย เนื่องด้วยประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผู้บริโภคที่มีความรักและความเข้าใจในสินค้าแบรนด์เนมเป็นอย่างดี ความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนไทยและคนญี่ปุ่นจึงมีมาอย่างยาวนาน
บทพิสูจน์ความสำเร็จของเซ็นทรัล วิลเลจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Bangkok Luxury Outlet’ ในเฟสแรก ถือว่าเดินเกมได้สวยงาม วัดจากร้าน Luxury Brand Outlet สาขาแรกของไทยเปิดครบเกือบ 100% แล้ว เช่น Coach, Club 21 (Outlet by Club 21), Ermenegildo Zegna, Kate Spade New York, Kenzo, MAX&Co., Michael Kors, Polo Ralph Lauren, Salvatore Ferragamo ฯลฯ ตัวเลขยอดขายและทราฟฟิกเป็นไปตามเป้า และยังมีการวางแผนทำแคมเปญกระตุ้นการจับจ่ายต่อเนื่องด้วยการเพิ่มส่วนลด On-Top ให้กับสินค้าแบรนด์เนม จากที่ลดปกติทุกวัน 35-70% ตลอดทั้งปี พร้อมผลักดันส่งเสริมการท่องเที่ยว ตอกย้ำความเป็น Thailand’s First International Luxury Outlet ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งแรกในประเทศ มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งเหนือระดับไปสู่นานาประเทศ
