เพิ่งติดนามสกุลมหาชนไปหมาดๆ สำหรับ ‘เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น’ หรือ CRC ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ด้วยความเป็นยักษ์ค้าปลีกของไทย ทำให้หลายคนจับตาดูว่า ผลงานจะเข้าเป้าหรือไม่
CRC รายงานผลประกอบการปี 2562 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า มีรายได้รวม 222,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,117 ล้านบาท จากปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 รายได้จากการขายถือเป็นกลุ่มหลักโดยมีสัดส่วน 87.7% คิดเป็นตัวเลข 195,355 ล้านบาท โต 8.2%
อาหารเป็นกลุ่มหลักที่สร้างรายได้จากการขาย โดยคิดเป็นสัดส่วน 36.1% มีรายได้ 80,492 ล้านบาท เติบโต 2.8% รองลงมาคือแฟชั่น สัดส่วน 28.9% มีรายได้ 64,280 ล้านบาท เติบโต 2.4% และสุดท้ายฮาร์ดไลน์ สัดส่วน 22.7% มีรายได้ 50,583 ล้านบาท เติบโต 27.9%
สรุปแล้วมีกำไรสุทธิ 12,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,254 ล้านบาท หรือ 11.3% โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นจากการรวมธุรกิจเหงียนคิมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 เงินชดเชยจากการประกันภัยกรณีเพลิงไหม้ที่ห้างสรรพสินค้าเซน การเติบโตของธุรกิจฮาร์ดไลน์ ธุรกิจฟู้ดในเวียดนาม และธุรกิจแฟชั่นในประเทศ ตามลำดับ
สำหรับในปี 2563 CRC วางงบลงทุน 18,000 ล้านบาท (ไม่รวมการควบรวมกิจการ (M&A)) ที่จะขยายธุรกิจในแต่ละประเทศ ดังนี้
– ประเทศไทย: ขยายสาขาใหม่ เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ 3 แห่ง, ไทวัสดุ 7 แห่ง และบ้านแอนด์บียอนด์ 3 แห่ง พร้อมกับการขยายสาขาของกลุ่มฟู้ดและร้านค้าเฉพาะทาง ฯลฯ
– ประเทศเวียดนาม: ขยายสาขาใหม่ของบิ๊กซี / โก! อีก 6 แห่ง และปรับโฉมใหม่อีก 4 แห่ง พร้อมขยายธุรกิจ Non-Food เช่น LookKool, Kubo, SuperSports ฯลฯ
– ประเทศอิตาลี: ปรับโฉมใหม่สาขาฟลอเรนซ์และกรุงโรม เน้นย้ำความเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ลักชัวรี
“ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยจะมีความไม่แน่นอนหลายอย่างในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัว, โรคระบาดโควิด-19, จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ถดถอย เซ็นทรัล รีเทลเองก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนและดำเนินธุรกิจ เฝ้าติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด และใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ” ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล