นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของ ‘กลุ่มเซ็นทรัล’ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจห้างสรรพสินค้าของยุโรป ล่าสุดได้ประกาศจับมือกับ PIF หรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย เพื่อร่วมลงทุนในกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจสทั้งหมดแทนที่กลุ่มซิกน่า
แถลงการณ์ระบุว่า กลุ่มเซ็นทรัลจะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 60 และ PIF ถือใน ส่วนที่เหลือร้อยละ 40 ภายหลังจากที่ PIF ได้ซื้อหุ้นทั้งหมดในธุรกิจกลุ่มเซลฟริดเจส (Selfridges) ต่อจากกลุ่มซิกน่า (Signa)
“ความร่วมมือครั้งนี้รวมถึงเงินลงทุนก้อนใหม่ที่กลุ่มเซ็นทรัลและ PIF ร่วมกันอัดฉีดเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และการต่อยอดทางธุรกิจของกลุ่มเซลฟริดเจสในอนาคตด้วย” ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘กลุ่มเซ็นทรัล’ พร้อมหนุน ‘คาเดเว’ เครือห้างหรูเยอรมนี เข้าแผนฟื้นฟูธุรกิจด้วยตัวเอง หลังขาดทุนจากค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น
- กลุ่มเซ็นทรัลประกาศศักดาค้าปลีกไทยในยุโรปอีกครั้ง! เข้าเป็นเจ้าของ 100% ในสินทรัพย์ของกลุ่มคาเดเวที่ทำธุรกิจห้างหรู 3 แห่งในเยอรมนี
- กลุ่มเซ็นทรัลขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มเซลฟริดเจส ห้างดังของอังกฤษ หลังใช้เงิน 1.8 แสนล้านซื้อหุ้นบางส่วนในปี 2564
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ ‘ซิกน่า’ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และห้างค้าปลีกรายใหญ่จากประเทศออสเตรียที่มีธุรกิจกระจายอยู่ทั่วยุโรป ประสบปัญหาภาวะหนี้สินอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา และได้ยื่นขอล้มละลายด้วยตัวเลขหนี้ที่สูงถึง 5 พันล้านยูโร หรือกว่า 1.84 แสนล้านบาท
สำหรับกลุ่มเซลฟริดเจสเป็นกลุ่มห้างสรรพสินค้าหรูของยุโรป มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 18 สาขา ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส สหราชอาณาจักร และสาขาแมนเชสเตอร์ เอ็กซ์เชนจ์ สแควร์ (Manchester Exchange Square)
ห้างสรรพสินค้าดีแบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมถึงห้างสรรพสินค้าบราวน์โทมัส (Brown Thomas) และอาร์น็อตส์ (Arnotts) ประเทศไอร์แลนด์
กลุ่มเซ็นทรัลเริ่มลงทุนในกิจการกลุ่มเซลฟริดเจสตั้งแต่ปี 2565 และได้ผลักดันธุรกิจให้พร้อมรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการปรับปรุง และเพิ่มพื้นที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์หรูที่ชั้น G ห้างบราวน์โทมัส กรุงดับลิน และแผนกสินค้าชาย ห้างดีแบนคอร์ฟ กรุงอัมสเตอร์ดัม เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เหล่าเซเลบริตี้และนักช้อปผู้หลงใหลในแบรนด์ดัง
โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มเซลฟริดเจสสร้างยอดขายได้กว่า 2,800 ล้านปอนด์ หรือกว่า 125,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ธุรกิจในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบันมีใน 7 ประเทศ โดยการลงทุนใน 6 ประเทศ เป็นการลงทุนส่วนตัวโดยตรงของกลุ่มเซ็นทรัล ไม่เกี่ยวข้องกับ บมจ.เซ็นทรัลรีเทล (CRC) และ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) แต่อย่างใด กล่าวคือ
- สหราชอาณาจักร: ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส
- ประเทศเนเธอร์แลนด์: ห้างสรรพสินค้าดีแบนคอร์ฟ (de Bijenkorf)
- ประเทศไอร์แลนด์: ห้างสรรพสินค้าบราวน์โทมัส (Brown Thomas) และอาร์น็อตส์ (Arnotts)
- ประเทศเยอรมนี: ห้างสรรพสินค้าคาเดเว (KaDeWe) กรุงเบอร์ลิน, โอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpollinger) เมืองมิวนิก และอัลสแตร์เฮาส์ (Alsterhaus) เมืองฮัมบูร์ก
- ประเทศเดนมาร์ก: ห้างสรรพสินค้าอิลลุม (Illum)
- ประเทศสวิตเซอร์แลนด์: ห้างสรรพสินค้าโกลบุส (Globus) และโกลบุสฟู้ดฮอลล์ (Globus Food Hall)
ส่วนการลงทุนในประเทศอิตาลี แบ่งเป็น
- บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) เป็นเจ้าของ (100%) ในส่วนของบริษัทที่บริหารห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเตทั้ง 9 สาขา
- กลุ่มเซ็นทรัลเป็นเจ้าของ (100%) เฉพาะในส่วนบริษัทที่ถือครองและบริหารอาคารและที่ดิน 2 สาขา คือ สาขาโรมตริโตเน่ (Rome Tritone) และสาขาตูริน (Turin)