โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เปิดเผยความสำเร็จในการดำเนินงานตามแนวทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี พร้อมประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์ความยั่งยืนภายใต้ C-E-N-T-A-R-A Sustainability Blueprint เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน
ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า “เพราะเราเชื่อว่าการเติบโตของธุรกิจต้องเดินควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และชุมชน เราจึงมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เติบโตขึ้นอย่างสมดุล ความสำเร็จจากการได้รับการรับรองมาตรฐาน GSTC ครบทุกโรงแรม รวมถึงผลลัพธ์ด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเซ็นทาราในระยะยาว”
เซ็นทาราได้เริ่มวางรากฐานการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี 2009 โดยนำระบบมาตรฐาน EarthCheck มาใช้เป็นรายแรกๆ ในไทย ก่อนจะต่อยอดสู่โครงการต่างๆ อาทิ การเข้าร่วมโครงการ Green Hotel, การริเริ่มโครงการ My Green Day รณรงค์ลดการเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวเพื่อประหยัดน้ำและพลังงาน และการประกาศยกเลิกการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use plastic) ในพื้นที่ให้บริการลูกค้าตั้งแต่ปี 2018
ความคืบหน้าล่าสุดในปี 2025 โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราทั้ง 42 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ สามารถผ่านการรับรองมาตรฐานจากสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) ได้ครบถ้วนตามเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ยืนยันถึงมาตรฐานระดับสากล
ในด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) เซ็นทารามุ่งเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40% ภายในปี 2029 (เทียบจากปีฐาน 2019) และมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
ปัจจุบัน เซ็นทาราสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อห้องพักที่มีการใช้งานได้แล้วกว่า 35% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโรงแรมในไทยถึง 51.94% ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งมาจากการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ (Solar Cell) ในโรงแรม 14 แห่ง ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้ถึง 4,780 MWh คิดเป็นสัดส่วน 4% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนเทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 300,000 ต้น
นอกจากนี้ ในด้านการบริหารจัดการน้ำและขยะ เซ็นทาราสามารถลดการใช้น้ำได้ 30.08% และลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบได้ 24.52% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีการนำน้ำเสียที่บำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ Upcycling จากขยะพลาสติกในพื้นที่โรงแรมจังหวัดกระบี่
ด้านสังคมและชุมชน (Social) เซ็นทาราเดินหน้าโครงการเพื่อสังคมหลากหลายรูปแบบ ทั้งการส่งต่ออาหารส่วนเกินคุณภาพดีสู่ชุมชนผ่านมูลนิธิ SOS, การสนับสนุนสินค้าชุมชนผ่านโครงการ 1 โรงแรม 1 ผลิตภัณฑ์”และการเปิดพื้นที่ตลาดนัดชุมชนภายในโรงแรมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีนโยบายการจ้างงานที่เปิดกว้างสำหรับกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ในส่วนของธรรมาภิบาล (Governance) เซ็นทาราได้รับการประเมินมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการในระดับดีเลิศ (5 ดาว) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และได้รับรางวัล CAC Change Agent Award ในฐานะผู้นำการต่อต้านคอร์รัปชัน นอกจากนี้ ยังมีการระดมทุนผ่านเครื่องมือทางการเงินเพื่อความยั่งยืน อาทิ เงินกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan) และหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) รวมมูลค่ากว่า 8,786 ล้านบาท เพื่อใช้ขับเคลื่อนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
“เราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมาย ESG ในมิติต่างๆ ให้บรรลุผล พร้อมสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่าและยั่งยืนต่อไปในอนาคต” ธีระยุทธ กล่าวทิ้งท้าย


