×

“ค้าความตาย ส่งมอบความทุกข์ประชาชน” สมพงษ์ดาบแรกฝ่ายค้าน ซักฟอกประยุทธ์ ชี้ล้มเหลวที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ

โดย THE STANDARD TEAM
31.08.2021
  • LOADING...
สมพงษ์ อมรวิวัฒน์

วันนี้ (31 สิงหาคม) สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยระบุว่า

 

ประเทศไทย ณ เวลานี้ มาถึงจุดที่วิกฤตที่สุดอีกครั้ง ไม่ใช่เพียงวิกฤตโรคระบาดที่คนไทยเผชิญอยู่อย่างหนักหนาสาหัสเท่านั้น แต่เป็นวิกฤตที่เลวร้าย รุนแรง และตอกย้ำความทุกข์ที่กดทับประชาชนไทยยิ่งกว่าโรคระบาดคือ ‘วิกฤตผู้นำรัฐบาลที่โอหัง คลั่งอำนาจ ไร้ประสิทธิภาพ และน่าละอาย’

 

คือผู้นำที่ขาดความรู้ ความสามารถในการจัดการปัญหา บริหารประเทศอย่างไร้ระบบ ไม่มีศักยภาพในการเชื่อมโยงระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดรักษา การฟื้นฟูเยียวยา การป้องกันดูแลประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศ และไม่มีทิศทางการพัฒนาชีวิตทางเศรษฐกิจในอนาคตให้กับคนไทย

 

ที่ผ่านมา รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวก ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส ไม่สามารถเปิดเผยข้อเท็จจริงของการจัดการงบประมาณในสถานการณ์เร่งด่วน ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนทั้งในประเทศและในประชาคมโลกเห็นถึงศักยภาพในการกอบกู้วิกฤตครั้งนี้ แต่ในทางตรงข้าม กลับสะท้อนภาพการบริหารจัดการที่ล้มเหลว ไม่มียุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ในเชิงการป้องกันปัญหา มีแต่การแก้ปัญหาผ่านคำแถลงที่เอาแต่ตำหนิประชาชนทุกครั้งไป มีแต่การบริหารงานด้วยปาก ที่พ่นคำพูดแบบเอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้ประชาชน มีแต่ความเป็นผู้นำที่หลงตัวเอง หวงอำนาจ ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง จนไม่สามารถจัดการปัญหาใดๆ ให้คลี่คลายไปได้

 

สมพงษ์กล่าวว่า ในขณะที่ทั้งโลกเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ผู้นำรัฐบาลไทยไร้ความสามารถที่จะเข้าใจและประเมินสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดและผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมา จนในที่สุดก็ไม่สามารถปกป้องประชาชนให้รอดปลอดภัยจากวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ได้

 

การแก้ไขปัญหาแบบ ‘เก่งคนเดียว’ รวบอำนาจทั้งหมดไว้ที่ตัวเอง แต่ขาดความรู้ ความเข้าใจ ขาดความเห็นใจ และความใส่ใจที่จะรับฟังเสียงของประชาชน ทุกวันนี้การบริหารจัดการของผู้นำอย่างท่าน จึงมีสภาพผู้นำที่ ‘ขับเคลื่อนการทำงานด้วยการถูกด่า’ เท่านั้น ทุกวันนี้ ประชาชนจึงต้องส่งเสียงก่นด่า ที่กลั่นออกมาอย่างคับแค้น ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชีวิต อนาคตของตนเอง ครอบครัว และคนที่เขารัก

 

ประชาชนไทยสิ้นหวังกับผู้นำที่ทุกวันนี้ยังสามารถยิ้มย่องได้ตลอดเวลา แอบอ้าง สร้างภาพ เอาความดีปลอมๆ เข้าตัว ขณะเดียวกันก็กราดเกรี้ยว กล่าวโทษ โยนผิดให้ประชาชน ลดทอนคุณค่าของประชาชน ทั้งๆ ที่มีผู้คนในประเทศล้มตายเป็นใบไม้ร่วงอยู่ทุกวันอย่างน่าอนาถ ทั้งๆ ที่ตนมีอำนาจมากล้นเหลือเกินที่จะสามารถช่วยเหลือผู้คนเหล่านั้นได้ สิ่งนี้บอกอะไร สิ่งนี้บอกว่าท่านไม่ได้มีประชาชนอยู่ในใจเลยแม้แต่น้อย

 

สมพงษ์กล่าวอีกว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านจะยอมรับหรือไม่ กับการกล่าวหาว่าใจดำ ไร้หัวใจความเป็นมนุษย์ อีกทั้งยังโอหัง คลั่งอำนาจ ท่านคงไม่ยอมรับ แต่นี่เป็นคำที่อธิบายตัวตนท่านอย่างชัดเจนที่สุดในช่วงเวลานี้ เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ล่าช้า ไม่ทันการณ์ และไม่สามารถป้องกันความสูญเสียของประชาชนได้เลย

 

ที่ผ่านมาประชาชนแคลงใจต่อการจัดลำดับความสำคัญของการใช้งบประมาณ ท่านทำเสมือนทองไม่รู้ร้อน ตัดงบที่จำเป็นสำหรับชีวิตประชาชนในภาวะวิกฤต ไปเพิ่มงบจัดซื้ออาวุธอย่างไม่สามารถอธิบายได้ เป็นรัฐบาลที่เสวยสุขบนชีวิตและความตายของประชาชน ท่านกำลังปกปิดข้อเท็จจริงในการใช้งบประมาณที่จะนำมาใช้แก้ปัญหาวิกฤตโรคระบาด ท่านสร้างความสับสน ขมขื่นให้กับประชาชนทั้งแผ่นดิน

 

“พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทราบหรือไม่ว่า การบริหารประเทศของท่านและพวก ณ เวลานี้ ทุกๆ 7 นาที มีคนไทยต้องตาย เพราะการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดของโควิดที่บกพร่อง ผิดพลาด ล้มเหลว และประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ประเทศไทย ณ เวลานี้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจวันละกว่า 8,000 ล้านบาท จากการบริหารแบบไม่บริหาร จากมาตรการประกาศล็อกดาวน์ที่ผิดพลาด ประเทศไทย ณ เวลานี้ติดอันดับรั้งท้ายของโลก ในการบริหารจัดการปัญหาโควิด จนก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศที่จะเกินเยียวยาแล้ว” สมพงษ์กล่าว

 

สมพงษ์กล่าวต่อไปอีกว่า ในข้อเท็จจริง หลังรัฐประหารด้วยฝีมือของท่านและพวกได้ทำลายเศรษฐกิจของประเทศให้เสื่อมทรุดอย่างต่อเนื่องก่อนเกิดการระบาดของโรคเสียอีก ไทยตกไปอยู่ในอันดับรั้งท้ายของกลุ่มอาเซียน กลายเป็นประเทศไม่มีอนาคต และเมื่อเกิดโควิด ไทยก็กลายเป็นไม่กี่ประเทศในโลกที่จะสามารถทำให้ GDP ติดลบได้ 2 ปีติดกัน สิ่งๆ นี้ ถ้าไม่ล้มเหลวในการบริหารจริงๆ ก็จะเกิดขึ้นได้ยากมาก โดยในปี 2563 เศรษฐกิจไทยตกต่ำมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และฟื้นตัวช้า รั้งท้ายประเทศต่างๆ ในโลก และรัฐบาลพวกท่านยังกู้เงินใช้จ่ายจำนวนมหาศาลมากสุดในประวัติศาสตร์การกู้ แต่กลับนำเอามาใช้แบบไร้ประสิทธิภาพ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เยียวยาหว่านแห ไม่ได้สร้างงานสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน ล็อกดาวน์แบบเหมาเข่ง บอดมืดไม่มีทิศทางในการเยียวยาภาคธุรกิจอย่างเหมาะสม การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเชื่องช้า พลาดเป้าอย่างเหลือเชื่อ จนทำให้บริษัทต่างๆ ต้องปิดตัวลง ต้องล้มละลาย ต้องปลดแรงงาน จนทำให้อัตราการว่างงานในระบบประกันสังคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

สมพงษ์กล่าวต่อไปว่า ภาคการเกษตรที่ควรจะเป็นแหล่งค้ำจุนแหล่งสุดท้ายจากวิกฤตครั้งนี้ก็กลับล่มสลายไปพร้อมๆ กับภาคส่วนอื่น เพราะความไร้สติปัญญาในการดูแลพืชผลการเกษตร สินค้าการเกษตรตกต่ำเป็นวิกฤตการณ์ ไร้ศักยภาพในการป้องกันการระบาดของโรคในสัตว์ ทั้งวัว ทั้งสุกร ล้มตาย เสียหายมหาศาล พี่น้องเกษตรกรทุกข์ยากแบบไม่เคยปรากฏมาก่อน เรียกได้ว่า ‘ล้มเหลวในการจัดหาวัคซีนทั้งของคนและของสัตว์’

 

รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลที่บริหารจัดการประเทศอย่างไร้องค์ความรู้ ไร้จริยธรรม และไร้ศีลธรรม เป็นรัฐบาล ‘ที่กล้า ที่จะค้าความตาย’ ส่งมอบความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานให้กับประชาชนอย่างถ้วนหน้า โดยท่านไม่รู้สึกละอายต่อสิ่งที่กระทำไป

 

ท่านปิดหู ปิดตาที่จะรับรู้การกระทำผิดของรัฐมนตรีในรัฐบาลของท่าน ทำได้เพียงแค่เอ่ยปากว่าจะดำเนินการแก้ไข ท่านต้องรู้ว่าการพูดไม่ใช่การแก้ปัญหา การลงมือกระทำต่างหากที่จะช่วยแก้ไขปัญหา สิ่งที่ประชาชนรับรู้กระจ่างใจคือท่านไม่มีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาทุจริตที่ประจักษ์แจ้งในหลายต่อหลายครั้ง

 

19 เดือนเศษที่ไวรัสโควิดระบาดเข้าสู่ประเทศไทย คนไทยติดเชื้อสะสมกว่า 1 ล้านคน และเกินหมื่นชีวิตที่ต้องจากครอบครัวไปโดยไม่มีโอกาสร่ำลา ผมขอถามผ่านท่านประธานไปยังท่านนายกฯ ว่าท่านรู้สึกอะไรกับตัวเลขเหล่านี้บ้างหรือไม่

 

“จำนวนคนตายไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือชีวิตและเป็นคนในครอบครัวของใครสักคน” นี่คือข้อความของผู้คนในสังคมที่สะท้อนบอกผ่านโซเชียลมีเดีย ท่านได้ยิน ท่านรู้สึกเหมือนพวกเขาไหม

 

ท่านเคยบอกว่าไม่อยากเห็นคนเจ็บ คนตายข้างถนน ในขณะที่ท่าน Work from Home ไม่เคยเดินลงมาจากหอคอยเพื่อมาร่วมทุกข์กับประชาชน ท่านไม่อยากเห็นภาพเหล่านี้เพราะอะไร เพราะท่านกลัวความจริง ไม่กล้าเผชิญความจริง นี่คือภาพความจริงที่สะท้อนถึงการบริหารที่ไร้สมองและไร้หัวใจของผู้นำประเทศอย่างท่าน ท่านต้องยอมรับว่า ‘ท่านเป็นผู้นำรัฐบาลที่ขี้ขลาดที่สุด’

 

ในขณะที่การแก้ปัญหาวิกฤตโควิดตั้งแต่เริ่มต้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับกล้าลุแก่อำนาจ ใช้ความเคยชินของตนยึดอำนาจการบริหารสถานการณ์โควิดจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ออกคำสั่งรวบอำนาจกฎหมายถึง 40 ฉบับ นำพวกพ้องเข้ามาบริหารสถานการณ์โควิด เข้ามาบริหารสถานการณ์วิกฤต จัดคนไม่เหมาะกับงาน จนทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศที่ได้ชื่อว่าเข้มแข็งที่สุดในอันดับต้นๆ ของโลก ต้องกลายเป็นระบบที่ล้มเหลว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ ‘ศบค. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจล้นฟ้า แต่กลับบริหารล้มเหลวไม่เป็นท่า’ สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมาจนถึงทุกวันนี้

 

สมพงษ์กล่าวอีกว่า การควบคุมการระบาดล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งขาดวิสัยทัศน์ ประมาท เลินเล่อ เชื่องช้า ไร้ทิศทาง ไร้การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ท่านและพวกมีความกล้าที่จะหลอกลวงประชาชนด้วย Fake News ที่สร้างขึ้นมา เพื่อสร้างภาพให้เห็นว่าทำได้แล้ว จัดการแล้ว แต่ประชาชนไม่ได้โง่เหมือนท่านและพวก คำพูดต่างๆ ของท่านและพวกที่ถูกบันทึกไว้กลายเป็นหลักฐานกลับมาย้อนรอยให้เห็นความไม่จริงที่พวกท่านสร้างมาทั้งหมด ท่านไม่อายหรือ

 

การระบาดทุกครั้งก็เกิดขึ้นจากความบกพร่องของรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล ทั้งแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย บ่อนผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในกรณีการระบาดระลอกล่าสุดจาก ‘ทองหล่อคลัสเตอร์’ รัฐมนตรีของท่านที่ไร้สำนึกรับผิดชอบ จนเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดครั้งใหม่ที่ส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงจนถึงทุกวันนี้ รวมทั้งการปิดแคมป์คนงานที่หลักสี่ ซึ่งไร้การจัดการที่ดี ไร้การเตรียมแผนป้องกัน ได้ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ระบาดแบบผึ้งแตกรัง ทำให้สายพันธุ์เดลตาระบาดออกไปทั่วประเทศ จนสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง

 

มาถึงหัวใจสำคัญที่สุด นั่นก็คือเรื่องของวัคซีน ความหวังที่จะช่วยชีวิตประชาชน ช่วยฟื้นสถานการณ์วิกฤตการระบาด ทั้งๆ ที่รู้ว่าวัคซีนคือทางออกและทางรอดของประเทศ แต่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวก กลับบริหารวัคซีนได้บกพร่อง ย่ำแย่ ประมาท เลินเล่อ และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชีวิตประชาชนและระบบเศรษฐกิจ ซึ่งผมจะขอชี้แจงให้เห็นประเด็นใหญ่ๆ ดังนี้

 

  1. ท่านปฏิเสธที่จะสั่งซื้อวัคซีนให้หลากหลายชนิด หลากหลายยี่ห้อ มาตั้งแต่แรก แต่กลับทุ่มหมดหน้าตักไปกับวัคซีนเพียงตัวเดียว ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีวัคซีนน้อยชนิด อันดับรั้งท้ายของโลก

 

  1. ท่านปฏิเสธการเข้าร่วมโครงการ COVAX โดยอ้างเหตุผลต่างๆ ที่ช่างย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิง ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในภูมิภาคนี้ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ แม้ในที่สุดเมื่อทนต่อเสียงก่นด่าของประชาชนและสถานการณ์ที่บีบคั้นไม่ได้ จึงกลับตัวจะเข้าร่วมโครงการ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า เราช้ากว่าประเทศอื่นไปเป็นปี เสียโอกาสการได้รับวัคซีนไปหลายสิบล้านโดส ท่านทราบหรือไม่ว่า ทุกวินาทีที่ไทยได้รับวัคซีนล่าช้านั้นมันคือชีวิตของประชาชนที่ต้องล้มตายเพิ่มมากขึ้น

 

  1. ท่านสั่งวัคซีน Sinovac ให้เป็นวัคซีนหลักของประเทศ ทั้งๆ ที่ในช่วงนั้นยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นวัคซีนคุณภาพต่ำ การระบาดของสายพันธุ์เดลตาได้ตอกย้ำความด้อยประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac แต่รัฐบาลของท่านก็ยังคงยืนยันจัดซื้ออีกโดยไม่สนใจคำคัดค้าน และคำถามที่ว่าเหตุใดวัคซีนประสิทธิภาพต่ำเช่นนี้จึงมีราคาแพงกว่าวัคซีนอื่นที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงกว่า และเหตุใดรัฐบาลของท่านจึงยังดึงดันสั่งซื้อซ้ำซากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทั่วทั้งแผ่นดินในขณะนี้ ต่างกังขาว่าการกระทำเช่นนี้ ‘หากไม่โง่ ก็คงโกง’ ท่านต้องตอบให้ได้ว่า ‘คนของท่านมีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรที่มันใหญ่กว่าคุณค่าชีวิตของประชาชน’

 

  1. ท่านเพ้อฝันจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ด้วยวัคซีนเชื้อตายตัวนี้ ซึ่งภูมิคุ้มกันของผู้ฉีดวัคซีนเชื้อตายไปช่วงแรกๆ แทบไม่เหลือแล้ว การสั่งการทั้งจัดหาวัคซีนและการระดมฉีดวัคซีนที่มีอยู่เป็นไปอย่างเชื่องช้าเสมือนสถานการณ์ปกติ จนถึงทุกวันนี้คนไทยกว่า 70% ยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มแรก และผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วก็มีไม่ถึง 10% ของประชากรทั้งหมด

 

  1. ท่านกล้าคิดค้นสูตรฉีดวัคซีนไขว้ให้กับประชาชนเป็นที่แรกในโลกทั้งที่ไม่มีการศึกษาวิจัยที่น่าเชื่อถือมากเพียงพอรองรับ ท่านเอาประชาชนเป็นหนูทดลอง เพียงเพราะท่านต้องการใช้วัคซีนคุณภาพต่ำที่สั่งซื้อมาแล้ว และหวังจะสั่งซื้อต่อไปอีกเรื่อยๆ ใช่หรือไม่

 

ยังมีข้อเท็จจริงอีกหลายประการเกี่ยวกับวัคซีนและการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะกล่าวในอีก 2-3 วันหลังจากนี้

 

“แต่บรรทัดสุดท้ายของเรื่องนี้ ผมและพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมดยืนยันที่จะกล่าวหาว่าท่านเป็นรัฐบาล ‘ที่กล้า ที่จะค้าความตาย’ กับประชาชน” สมพงษ์กล่าว

 

สมพงษ์กล่าวต่อไปว่า วันนี้การดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย รวมทั้งผู้ด้อยโอกาสที่ดูแลตัวเองไม่ได้ กลายเป็นภาระที่อยู่บนบ่าอันเหนื่อยล้าของประชาชนด้วยกันเอง ที่ต่างช่วยกันตามกำลังที่มี นี่คืออีกภาพสะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลของท่าน ถ้ารัฐบาลของท่านทำเต็มที่แล้ว ได้ผลอย่างที่ประเทศและประชาชนกำลังเผชิญหายนะอย่างทุกวันนี้ รวมทั้งประชาชนต้องมาแบกรับภาระช่วยเหลือกันเองแบบนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านควรพิจารณาตัวเองลาออกไปได้แล้วครับ

 

“ทั้งหมดนี้คือความล้มเหลว พังพินาศ เป็นอันตรายที่เกิดขึ้นกับประเทศที่เรารัก สาเหตุก็มาจากความบกพร่องทางสติปัญญาและอารมณ์ของผู้นำประเทศอย่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ซึ่งได้อำนาจมาด้วยการล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จนถึงทุกวันนี้ผลที่เกิดขึ้นมันชัดเจนและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของชาติ” สมพงษ์กล่าวในท้ายที่สุด

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising