×

Castore เสื้อผ้ากีฬาสัญชาติอังกฤษ ที่มี DNA ของผู้ชนะ

16.04.2024
  • LOADING...

โลโก้ของแบรนด์ Castore (คาสโตร์) น่าจะผ่านตาแฟนกีฬาครั้งแรกในปี 2019 หลังจากแบรนด์นี้ก่อตั้งมาได้ 3 ปีเศษ เมื่อพวกเขาเข้ามาให้การสนับสนุน แอนดี เมอร์เรย์ อดีตนักหวดมือหนึ่งของโลกจากสหราชอาณาจักร

 

ในตอนนั้นหลายคนยังไม่รู้ว่าแบรนด์กีฬาแบรนด์นี้ชื่อว่า Castore ด้วยซ้ำ เนื่องจากแฟนๆ เทนนิสจะเห็นเพียงโลโก้ปีกคู่ของพวกเขา พร้อมกับตัวอักษร 3 ตัว นั่นคือ AMC ด้านล่างโลโก้เท่านั้น

 

แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นแรกที่แบรนด์ Castore เดินหน้าสู่ตลาดกีฬาโลก และหลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มตีตลาดฟุตบอล จนได้มาสนับสนุนทีมต่างๆ ในอังกฤษ ทั้งวูล์ฟแฮมป์ตัน, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และแอสตัน วิลลา

 

การก้าวสู่สังเวียนฟุตบอลอย่างต่อเนื่องทำให้ Castore กลายเป็นแบรนด์กีฬาที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านปอนด์ โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 1 ทศวรรษ

 

แถมในปีนี้ชื่อของพวกเขาก็ยิ่งเป็นที่พูดถึงกันยิ่งกว่าเดิม หลังจากเป็นผู้สนับสนุนให้ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ซึ่งทำให้เป็นเสื้อแข่งขันชุดประวัติศาสตร์ เพราะเป็นเสื้อแข่งในฤดูกาลที่พวกเขาคว้าแชมป์บุนเดสลีกาครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร 119 ปี

 

ดังนั้นเรื่องราวการเติบโตของผลิตภัณฑ์กีฬาแบรนด์นี้จากสหราชอาณาจักรยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีก 

 

จากนักฟุตบอลที่ล้มเหลว สู่แบรนด์กีฬาที่ประสบความสำเร็จ

 

 

 

ในปี 2015 ทอม และ ฟิล สองพี่น้องจากตระกูลเบียน ได้เปิดตัวแบรนด์ผลิตภัณฑ์กีฬา Castore ขึ้นมา ซึ่งทั้งสองพี่น้องเติบโตมากับกีฬา 

 

ทอมเคยอยู่ในทีมอะคาเดมีของ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส จนกระทั่งอายุ 21 ปี ก่อนย้ายไปเล่นกับสโมสรเฆเรซในสเปน แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ ขณะที่ฟิลเริ่มต้นจากการเป็นนักฟุตบอล แต่ก็เปลี่ยนเส้นทางมาเป็นนักคริกเก็ต โดยเคยเล่นกึ่งอาชีพให้กับแลงคาเชียร์

 

ทั้งคู่มีเส้นทางในสายกีฬาที่คล้ายๆ กัน คือการ ‘ไม่ดีพอ’ ที่จะเป็นนักกีฬาอาชีพ แต่ข้อดีของพวกเขาทั้งคู่ที่มีเหมือนกันคือการตระหนักรู้ในเรื่องนั้นและไม่ดันทุรัง

 

ทอมและฟิลมานั่งคุยกันอย่างจริงจังว่าพวกเขาจะเดินหน้าต่ออย่างไรในชีวิต ซึ่งตอนนั้นทอมเล่าว่า เขาเห็นความเป็นไปได้ในการทำเสื้อผ้ากีฬา และไอเดียที่ได้คือ Castore

 

ทอมกล่าวว่า “ตลาดแบรนด์กีฬาเป็นตลาดที่ถูกครอบงำโดยกลุ่มเล็กๆ เพียงไม่กี่แบรนด์มาอย่างยาวนาน ตลาดใดก็ตามที่ไม่มีผู้แข่งขันรายใหม่จำนวนมากพอก็มีความเสี่ยงที่จะพลาดนวัตกรรมใหม่ไป เรารู้สึกแบบนั้นตั้งแต่แรกโดยสัญชาตญาณ แต่มันเป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในช่วง 2-3 ปีแรก”

 

ทอมและฟิลได้เรียนรู้ธุรกิจการผลิตเสื้อผ้าตั้งแต่เริ่มต้น สิ่งที่พวกเขาต้องทำมีมากมาย เช่น การเดินทางไปทั่วยุโรปเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งทอ การสร้างความสัมพันธ์กับเจ้าของโรงงาน และการจัดหาผ้าจากโรงงานที่ดำเนินกิจการโดยครอบครัวในอิตาลีเพื่อผลิตสินค้าในช่วงแรกของ Castore 

 

แต่ก็อย่างที่หลายคนรู้ดีว่าในช่วง 2-3 ปีแรกเป็นช่วงอันตรายสำหรับสตาร์ทอัพ และมีสตาร์ทอัพถึง 95% ที่ต้องล้มเลิกกิจการหลังก่อตั้งได้ไม่เกิน 5 ปี

 

แต่ Castore ไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเขาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อย่างเข้าปีที่ 4 ของกิจการ และเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้พวกเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว

 

จุดเปลี่ยนสำคัญที่มีชื่อว่า ‘แอนดี เมอร์เรย์’

 

 

อันที่จริงแล้วทอมและฟิลบริหารกิจการของ Castore ได้ดีพอสมควร พวกเขาคงจะผ่านปีที่ 5 ไปได้อยู่แล้วหากไม่มีแอนดี เมอร์เรย์เข้ามา

 

แต่การเข้ามาของอดีตนักหวดมือหนึ่งของโลกชาวสกอตแลนด์เป็นเหมือนการติดปีกให้กับแบรนด์กีฬาแบรนด์นี้ ให้มีกำลังไปเข้าไปลุยตลาดใหญ่กว่าที่เป็นไปได้รวดเร็วขึ้น

 

จุดเริ่มต้นการมีส่วนร่วมของเมอร์เรย์เกิดขึ้นง่ายๆ หลังจากที่อดีตนักหวด Big 4 รายนี้ไปเห็น แมตต์ ลิตเติล โค้ชด้านความแข็งแกร่งทางสภาพร่างกายของเขา ใส่อุปกรณ์ของ Castore ลงคอร์ตมาซ้อมกับเขา

 

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่เขาหมดสัญญา 4 ปีกับ Under Armour แบรนด์กีฬาอเมริกา ในช่วงสิ้นปี 2018 พอดี

 

เมอร์เรย์สะดุดตากับโลโก้ของแบรนด์ซึ่งเป็นปีกคู่ และถามลิตเติลว่า “ถ้าเขาอยากได้บ้างจะหาซื้อมันได้ที่ไหน?” นั่นเองที่นำมาสู่บทสนทนาระหว่างเมอร์เรย์กับพี่น้องเบียน 

 

หลังจากคุยกันไม่กี่ครั้ง เมอร์เรย์ก็กลายมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Castore พร้อมกับเป็นผู้ถือหุ้นและที่ปรึกษาคณะกรรมการ

 

Castore ยังได้แตกไลน์การผลิตออกไปถึงการผลิตเสื้อผ้าเทนนิสเพิ่มเติม และมีไลน์การผลิตที่รองรับเมอร์เรย์โดยเฉพาะ ซึ่งใช้ชื่อว่า AMC หรือ Andy Murray Collection

 

การเข้ามามีส่วนร่วมของเมอร์เรย์ในปี 2019 ยังดึงดูดนักลงทุนมากมายเข้ามาสู่ Castore เพราะเสื้อผ้าของพวกเขาถูกใส่โดยนักเทนนิสระดับโลกและออกไปสู่สายตาชาวโลก 

 

นอกเหนือจากเงินทุนที่เข้ามาแล้ว สิ่งที่ Castore ได้มาในช่วงเวลานั้นและมีความสำคัญไม่แพ้กับเม็ดเงินคือคอนเน็กชันและช่องทางต่างๆ ที่จะทำให้พวกเขาเติบโตได้รวดเร็วกว่าเดิม

 

การตลาดแบบรวดเร็ว และใน-ไป-นอก

 

 

“ผมคิดเสมอว่าเราเป็นเรือเร็วในตลาดเรือบรรทุกน้ำมัน พวกตัวใหญ่เขามีขนาดใหญ่ก็จริงและมีข้อดีมากมายที่มาพร้อมกัน แต่พวกเขาก็ค่อนข้างช้าด้วยขนาดของพวกเขา

 

“หากเราสามารถเป็นเรือเร็วในตลาดเรือบรรทุกน้ำมันได้ เราก็สามารถมีความได้เปรียบในการแข่งขันกับคนเหล่านี้”

 

นั่นคือสิ่งที่ทอมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ และการทำการตลาดของพวกเขาก็แสดงออกแบบนั้นเช่นกัน

 

เพียง 1 ปีหลังการเข้ามาของเงินทุนและคอนเน็กชันต่างๆ หลังจากที่ได้เมอร์เรย์เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ พวกเขาก็รุกตลาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอังกฤษอย่างฟุตบอลเสียที

 

Castore ใช้หลักการเพียงแค่ 2 อย่างในการทำการตลาดหลังได้เงินทุนก้อนใหญ่ นั่นคือเป็นเรือเร็วในหมู่เรือบรรทุกน้ำมัน และใน-ไป-นอก

 

Castore ไม่ได้เลือกแบรนด์เล็กๆ จากลีกต่างประเทศที่อาจจะใช้เงินน้อยกว่าในการเข้าหา แต่เขาเลือกทีมในลีกใหญ่ที่เป็นที่รู้จักในประเทศ

 

พวกเขาเริ่มต้นลุยตลาดฟุตบอลครั้งแรกกับเรนเจอร์สในปี 2020 ด้วยสัญญา 5 ปี มูลค่า 25 ล้านปอนด์ หรือราว 1,125 ล้านบาท 

 

หลังจากนั้นในปีต่อมา พวกเขาก็เซ็นสัญญากับทีมที่ใหญ่ขึ้นอย่างนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด กับวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส แถมยังได้เซ็นสัญญากับทีม F1 อย่างแม็คลาเรนอีกด้วย ซึ่งจะเห็นว่าทั้งหมดเป็นทีมในประเทศทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งแม็คลาเรนก็ยังเป็นทีม F1 จากสหราชอาณาจักรอยู่ดี

 

ไม่เพียงแค่ฟุตบอลกับ F1 เท่านั้น Castore ยังได้เซ็นสัญญาสำคัญในปี 2022 อีกด้วย นั่นคือการเป็นผู้สนับสนุนชุดแข่งให้ทีมคริกเก็ตของอังกฤษ ด้วยสัญญา 10 ปี

 

ชื่อเสียงจากการเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าให้ทีมในพรีเมียร์ลีกส่งผลให้ Castore เจรจาธุรกิจในระดับยุโรปง่ายขึ้นมาก ทำให้ในปี 2022 พวกเขาก็สามารถบุกตลาดยุโรป โดยเซ็นสัญญากับทีมที่พอมีชื่อของลีกต่างๆ อย่างอูดิเนเซ ในเซเรีย อา อิตาลี, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ในบุนเดสลีกา เยอรมนี และเซบียา ในลาลีกา สเปนได้สำเร็จ

 

ก่อนที่ในปี 2023 พวกเขาจะขยายตลาดเพิ่มไปเรื่อยๆ โดยบิ๊กดีลคือการเดินหน้าเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตเพิ่มเติมด้วยการเซ็นสัญญากับทีมแชมป์โลกอย่างเรดบูลล์ เรซซิง รวมไปถึงเปิดตลาดในศึกโมโตจีพีกับทีมเรปโซล ฮอนด้าด้วย 

 

ปีที่ยอดเยี่ยมของ Castore

 

 

คงไม่เกินไปหากจะบอกว่าปีนี้เป็นปีที่ยอดเยี่ยมของ Castore โดยพวกเขาเปิดปี 2024 มาด้วยการขายผลิตภัณฑ์ที่จับมือกับเรดบูลล์ เรซซิง ได้มากมาย หลังจากที่ทีมสัญชาติออสเตรเลียแต่มีฐานปฏิบัติการอยู่ที่มิลตันคีนส์ในอังกฤษทีมนี้คว้าแชมป์ F1 ทั้งในประเภทบุคคลและประเภททีมผู้ผลิตด้วยคะแนนขาดลอย

 

หลังจากนั้นในเดือนเมษายน หนึ่งในทีมฟุตบอลไม่กี่ทีมที่พวกเขาเป็นพาร์ตเนอร์ด้วยในต่างประเทศอย่าง แอธเลติก บิลเบา ก็มาคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ได้สำเร็จในรอบ 40 ปี 

 

ขณะที่สัปดาห์ต่อมา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ก็กลายเป็นแชมป์บุนเดสลีกาสมัยแรกในรอบ 119 ปี ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ

 

ทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้ยอดเสื้อแข่งของ Castore ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะแฟนๆ ต่างต้องการเสื้อแข่งขันปีที่ทีมประสบความสำเร็จไว้เพื่อเป็นที่ระลึก

 

นั่นทำให้มูลค่าของบริษัทน่าจะพุ่งขึ้นทะลุ 1,000 ล้านปอนด์ไปแล้วในปัจจุบัน หลังจากที่มูลค่าบริษัทของพวกเขาอยู่ที่ 921 ล้านปอนด์เมื่อปี 2023

 

นับจากวันที่พี่น้อง ทอม และ ฟิล เบียน ก่อตั้ง Castore มาได้ไม่ถึง 10 ปี แบรนด์ผลิตภัณฑ์สัญชาติอังกฤษแบรนด์นี้เติบโตจากเรือเล็กๆ กลายเป็นเรือบรรทุกน้ำมันไปแล้ว แต่เรือบรรทุกน้ำมันลำนี้ก็ยังตั้งเป้าที่จะรวดเร็วกว่าเรือบรรทุกน้ำมันลำอื่นอยู่ดี!

 

เป้าหมายที่ไม่ไกลเกินฝัน

 

 

“ผมอยากเห็น Castore กลายเป็น Tesla ของวงการเสื้อผ้ากีฬา” ทอมกล่าวไว้ในการให้สัมภาษณ์กับช่อง Business of Sport เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าความฝันของทอมก็อาจจะไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว หลังจากแบรนด์ Castore ถูกพูดถึงอย่างมากในระยะหลัง 

 

ปัจจุบัน Castore เป็นผู้สนับสนุนให้กับทีมฟุตบอลมากถึง 22 ทีม จาก 11 ประเทศ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนชุดแข่งขันทีมชาติให้กับทีมชาติไอร์แลนด์

 

ขณะที่กีฬาประเภทอื่น พวกเขาก็เป็นพาร์ตเนอร์กับทีมรักบี้มากมาย ทั้งรักบี้ยูเนียนและรักบี้ลีก ตลอดจนสนับสนุนทีมดังๆ ในกีฬาชนิดอื่นอย่างคริกเก็ต, จักรยาน, กอล์ฟ, F1, FE, อินดี้คาร์, นาสคาร์ และโมโตจีพี

 

ทั้งยังมีนักกีฬาชื่อดังในสังกัดหลายคน เช่น แอนดี เมอร์เรย์, อดัม พีตี นักว่ายน้ำชื่อดัง, แอนดี ซัลลิแวน นักกอล์ฟชาวอังกฤษ และ โอเวน ฟาร์เรลล์ นักรักบี้ซูเปอร์สตาร์ด้วย

 

Castore ยังคงเดินหน้าเพื่อทำชุดแข่งขันคุณภาพให้กีฬาต่างๆ ต่อไป เพราะพวกเขาไม่เคยลืมว่าหัวใจสำคัญของพวกเขาคืออะไร

 

“เราถามตัวเองอยู่เสมอว่า ‘เราจะทำงานดีๆ ให้ทีมชุดนี้ได้ไหม?’ ‘พวกเขาเหมาะกับเราหรือเปล่า?’ ‘เราจะเสนออะไรให้แตกต่างจากแบรนด์เจ้าใหญ่ได้บ้าง?’ ‘มันช่วยให้เราสร้างแบรนด์ของเราได้อย่างไร?’ เราพยายามที่จะมีระเบียบวินัยและตั้งเป้าหมายว่าจะดำเนินการกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร”

 

เป้าหมายต่อไปของ Castore ที่พวกเขาวางไว้คือการทำรองเท้าฟุตบอล หรือสตั๊ด และพวกเขาก็หวังให้มันออกมาอย่างยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Castore ก็ไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาโดนกล่าวหาว่าชุดแข่งของเขามีคุณภาพที่ต่ำเกินไปจากนิวคาสเซิล จนมีการขอยกเลิกสัญญา แต่นั่นก็เป็นอีกหนึ่งในหลายๆ ปัญหาให้พวกเขาต้องฝ่าฟันไปเหมือนที่เคยทำมาเท่านั้น

 

แม้ปัจจุบัน Castore จะเติบโตขึ้นมา แต่ก็คงยังไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับ 3 แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Nike, adidas หรือ PUMA แต่มั่นใจได้เลยว่าหลังจากนี้เราอาจจะเห็นโลโก้ปีกคู่ของแบรนด์สัญชาติอังกฤษแบรนด์นี้มากขึ้นอย่างแน่นอน

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising