Cardano หรือ ADA คือเครือข่ายบล็อกเชนรูปแบบหนึ่ง โดยเครือข่ายดังกล่าวจะมีเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี Cardano หรือ ADA ไว้ใช้เป็นค่าธรรมเนียม (Gas) ในการทำธุรกรรม เฉกเช่นเดียวกับเครือข่ายอย่าง Ethereum, Binance Smart Chain, Solana และเครือข่ายอื่นๆ อีกมากมายบนโลกคริปโตเคอร์เรนซี
Cardano ถูกก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2015 โดย ชาร์ลส์ ฮอสกินสัน เพื่อให้สามารถทำสัญญาอัจฉริยะบนบล็อกเชน (Smart Contract) ได้ โดยมีจุดประสงค์ให้สามารถสร้างระบบการเงินแบบ DeFi (Decentralized Finance) ได้เหมือนกับ Ethereum
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Vasil Hard Fork การอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่ของ เหรียญ Cardano เริ่มขึ้นแล้ว
- ทำไมเหรียญ LUNC ถึงพุ่งกว่า 425% ภายใน 14 วัน? อะไรที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นครั้งนี้
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
ทาง Cardano เองได้ชูจุดขายมาตั้งแต่ต้นว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาด้านการทำงานของ Ethereum ที่แต่เดิมมีความล่าช้าและต้นทุนที่สูง ให้สามารถทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น สามารถทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น และมีการทำงานที่ยั่งยืน ซึ่งจะสามารถช่วยให้ค่าธรรมเนียม (Gas) ในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Cardano ถูกลงได้ จนกระทั่งได้รับฉายาว่าเป็น Ethereum Killer หรือผู้จะมาทดแทน Ethereum
ณ ปัจจุบัน Cardano ถือว่าเป็นหนึ่งในเหรียญที่สามารถทำผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ได้ดีที่สุดเหรียญหนึ่ง ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนนับถึงจุดสูงสุดของปีกว่า 1,880% โดย Cardano (ADA) เติบโตจากต้นปีที่ราว 0.16 ดอลลาร์ (ณ วันที่ 1 มกราคม 2021) มาสู่ระดับสูงสุดที่ 3.01 ดอลลาร์ ในช่วงวันที่ 2 กันยายน 2021
การเติบโตดังกล่าวนั้นเป็นผลมาจากการมีคอมมูนิตี้ที่เชื่อมั่นในเหรียญว่าจะสามารถทำตามแผนการที่วางไว้ได้ แสดงให้เห็นผ่านการเปิดวอลเล็ต Cardano ที่มีจำนวนเกินกว่า 2 ล้านบัญชี (จากข้อมูลบน Twitter ของ Cardano) และกำลังมีโปรเจกต์ที่พัฒนาเตรียมรอลงบน Cardano มากกว่าร้อยโปรเจกต์ แต่กระนั้นเองก็ยังไม่มีโปรเจกต์ที่เกิดการใช้งานจริงดังเช่นเครือข่ายอื่นๆ อย่างEthereum, Binance หรือ Solana ฯลฯ ทำให้นักลงทุนที่สนใจในเหรียญดังกล่าวต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากในปัจจุบันมีเครือข่ายบล็อกเชนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากและต่างหวังจะเป็น Ethereum Killer (ผู้จะมาทดแทน Ethereum) ทางทีมงาน THE STANDARD WEALTH จึงได้นำความสามารถของเหรียญหลักๆ อย่าง ETH, ADA, SOL มาเทียบความแตกต่าง เพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่าน
Cardano vs. Solana vs. Ethereum
วัดโดยมูลค่าตลาด
ณ ปัจจุบัน เหรียญ Ethereum (ETH) มีมูลค่าตามตลาดเป็นอันดับ 2 รองจาก Bitcoin ด้วยมูลค่าราว 17.8 ล้านล้านบาท ในขณะที่ Solana (SOL) ถือว่าเป็นหนึ่งในเหรียญที่เติบโตแรงที่สุดเหรียญหนึ่ง โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดเป็นอันดับ 5 ของโลก ด้วยมูลค่ารวมกว่า 2.34 ล้านล้านบาท ทิ้งห่างมาจากเหรียญ Cardano (ADA) เล็กน้อย ซึ่งเป็นเหรียญที่มีมูลค่าเป็นอันดับที่ 6 ของโลก ด้วยมูลค่าตลาดราว 2.22 ล้านล้านบาท
กลไกการทำธุรกรรม
เหรียญ Ethereum(ETH) ในปัจจุบันนั้นมีการใช้งานรูปแบบของ Proof of Work (PoW) จึงทำให้มีความล่าช้าและต้นทุนทางธุรกรรมที่สูง ซึ่งรองรับได้ราว 15 ธุรกรรมต่อวินาที (Transaction per second: TPS) ทำให้ทาง ETH กำลังปรับปรุงและพัฒนาไปสู่ ETH2.0 ซึ่งจะใช้กลไล Proof of Stake (PoS) เพื่อให้สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้นและมีต้นทุนทางธุรกรรมที่ถูกลง
ส่วนเหรียญ Solana (SOL) ทำงานด้วยกลไกแบบ Proof of History (PoH) ซึ่งนับว่าเป็นจุดแข็งและเป็นระบบที่ไม่เหมือนใคร โดยนับเป็นจุดเด่นของ Solana เองในการทำให้ระบบมีความเร็วและปลอดภัยสูง Proof of History ไม่ใช่ Consensus Mechanism เหมือน Proof of Work (PoW) หรือ Proof of Stake (PoS) แต่เป็นนาฬิกาคริปโตกราฟิกที่ทำให้โหนด (Node) สามารถตกลงกันในเวลาและลำดับของเหตุการณ์บนบล็อกเชนของ Solana โดยไม่จำเป็นต้องให้ Node คุยกัน ซึ่งรองรับได้ ราว 65,000 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS)
Cardano (ADA) ใช้งานโปรโตคอลโอโรโบรอส (Ouroboros) ซึ่งเป็นกลไกของ Cardano นับว่าเป็นโปรโตคอลบล็อกเชนอันแรกที่ทำงานด้วย Proof of Stake ที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งรองรับได้ประมาณ 270 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS)
ค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมโดยเฉลี่ย
เครือข่าย Ethereum มีค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมเฉลี่ยที่ 15 ดอลลาร์ หรือประมาณ 450 บาท ในฝั่งของ Solana มีค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมเฉลี่ยที่ 0.0015 ดอลลาร์ หรือประมาณ 0.045 บาท ในขณะที่ Cardano มีค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมเฉลี่ยที่ 0.25 ดอลลาร์ หรือประมาณ 7.5 บาท
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
