27 กุมภาพันธ์นี้ มาลุ้นกันว่า ‘ลิเวอร์พูล’ และ ‘เชลซี’ คู่ชิงชนะเลิศที่สมศักดิ์ศรี ใครจะคว้าถ้วย ‘คาราบาว คัพ’ ประจำฤดูกาลแข่งขันปี 2021/22 ไปครอง
การพบกันระหว่าง 2 ทีมดังจากพรีเมียร์ลีกจะทำให้ ‘คาราบาว คัพ’ เกมการแข่งขันฟุตบอลประเทศอังกฤษที่ถ่ายทอดไปกว่า 200 ประเทศทั่วโลก จะปลุกกระแสและเป็นที่สนใจของแฟนบอลมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ‘คาราบาวแดง’ ก็ถือนี้โอกาสนี้ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ไทยระดับโลกแบรนด์เดียวที่มีโลโก้อยู่บนปลอกแขนนักเตะลีกอังกฤษกว่าร้อยชีวิตเป็นปีที่ 5 ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ตั้งใจบุกตลาดโลกโดยใช้ ‘ฟุตบอล’ กีฬาสากลที่สามารถเข้าถึงคนทั่วโลกได้เป็นตัวกลางผ่านกลยุทธ์ ‘Sport Marketing’
ย้อนเส้นทาง ‘คาราบาวแดง’ ทำไมต้องมาไกลถึงเกาะอังกฤษ
ขอไม่ย้อนไปไกลถึงปี 2545 ที่คาราบาวกรุ๊ปเริ่มทำตลาดในไทย แต่จะเริ่มในช่วงที่คาราบาวกรุ๊ปเริ่มจับทางได้ว่าสัดส่วนยอดขายในตลาดกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ที่ขยายออกไปเป็นที่น่าพอใจระดับ ‘นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่’ จะขยับตัวทั้งทีย่อมต้องคิดการณ์ไกล ตั้งเป้าติดปีกแบรนด์ไทยไปสู่ระดับโลก พร้อมวิสัยทัศน์ ‘สินค้าระดับโลก และแบรนด์ระดับโลก’ (World Class Product, World Class Brand) โดยเลือกปักหมุดที่ประเทศอังกฤษ
“เมื่อเราจะไปสู่ตลาดโลก เราต้องไปด้วยโปรดักต์” เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG กล่าวไว้เช่นนั้น และน่าจะเป็นเหตุผลที่คาราบาวตีตั๋วไปเกาะอังกฤษในปี 2558 เนื่องจากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในอังกฤษใหญ่เป็นอันดับ 1 ในยุโรป และมีขนาดตลาดใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก
แม้เสถียรจะทำธุรกิจด้วยการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจจัดตั้งบริษัทสำหรับดูแลตลาด แต่ไม่ง่ายเลยที่จะใช้แค่โปรดักต์เปิดตลาด จึงต้องหากิจกรรมมาเป็นตัวเชื่อมเพื่อทำให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น และคงไม่มีกิจกรรมไหนทรงพลังไปกว่า ‘ฟุตบอล’ กีฬาสากลที่เข้าถึงคนทั่วโลกได้
‘Sport Marketing’ ยิงประตูครั้งเดียวได้ทั้ง ‘ภาพลักษณ์เครื่องดื่มระดับโลก’ ได้ทั้ง ‘ยอดขาย’
เสถียรรู้ดีว่า การนำกลยุทธ์ Sport Marketing มารุกเกมการตลาดครั้งนี้เป็นแค่แพลตฟอร์มในการทำตลาดเพื่อให้คาราบาวแดงเป็นที่รู้จักและสร้างความมั่นใจในตลาด ยังเร็วไปหากจะหวังยอดขาย จึงเลือกเป็นผู้สนับสนุนให้กับสโมสรเชลซี แชมป์พรีเมียร์ลีก ระหว่างฤดูกาลการแข่งขันปี 2016-2019 ครั้งนี้โลโก้คาราบาวปรากฏอยู่แทบครองทุกพื้นที่ที่สายตาแฟนบอลทั่วโลกจะเห็น ตั้งแต่เสื้อซ้อมนักเตะ ชุดผู้จัดการทีมและสต๊าฟฟ์ พนักเก้าอี้ของผู้จัดการทีมและตัวสำรองที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ ป้ายโฆษณารอบสนาม และสื่อต่างๆ ในมือสโมสร ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์มีความเป็นสากลมากขึ้น
การตัดสินใจครั้งสำคัญที่ทำให้คาราบาวก้าวสู่แบรนด์ระดับโลกอย่างสมศักดิ์ศรี คือการเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ให้กับ EFL หรือ English Football League Cup ลีกคัพเก่าแก่และยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเกาะอังกฤษ เกมการแข่งขันที่เต็มไปด้วยนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ กลายเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่สนับสนุนการแข่งฟุตบอลถ้วยของอังกฤษ
จาก ‘EFL Cup’ สู่ ‘คาราบาว คัพ’ ไม่ได้เปลี่ยนแค่ชื่อลีก แต่ทุกพื้นที่จะเต็มไปด้วยโลโก้ ‘คาราบาว’
เกริ่นกันสักหน่อย (EFL Cup) หรือ ลีกคัพ เป็นการแข่งขันฟุตบอลที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่รองจากพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ มีทีมฟุตบอลเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 92 ทีม โดย 20 ทีมมาจากพรีเมียร์ลีก และ 72 ทีมจากลีกอาชีพที่รองลงมา ทำให้การแข่งขันเต็มไปด้วยความหลากหลาย มีทั้งทีมเล็ก ทีมใหญ่ หลากระดับดิวิชันมาแข่งกัน จนเกิดปรากฏการณ์ ‘แจ็คผู้ฆ่ายักษ์’ ทีมเบอร์รองเอาชนะทีมดังๆ หลายครั้ง
นับตั้งแต่ปี 1888 ที่ก่อตั้ง EFL ถูกเปลี่ยนชื่อตามสปอนเซอร์มาแล้ว 9 ครั้ง ภายในระยะเวลา 30 ปี แฟนบอลน่าจะเคยคุ้นๆ หู เช่น Milk Cup, Coca-Cola Cup, Capital One Cup, Rumbelows Cup และตั้งแต่ปี 2017-ปัจจุบัน เปลี่ยนมาเป็น Carabao Cup (คาราบาว คัพ)
แน่นอนว่าการปิดดีลไม่ได้มาเป็นแค่ Title Sponsor ของ EFL เพราะนอกจากจะเปลี่ยนชื่อเป็น ‘คาราบาว คัพ’ โลโก้แบรนด์จะไปปรากฏบนปลอกแขนนักเตะลีกอังกฤษกว่าร้อยชีวิตจากทุกทีมที่เข้าแข่งขันรายการนี้ตลอดระยะเวลาสัญญาสนับสนุน และยังอยู่บนตั๋ว ป้ายโฆษณารอบสนาม ลูกฟุตบอล และถ้วยรางวัล
ทั้งหมดนี้สามารถสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์คาราบาวได้ขนาดไหนให้ดูข้อมูลจาก EFL Cup (ปี 2019) ประกอบ ผลสำรวจพบว่า ‘คาราบาว คัพ’ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจากจำนวนผู้ชมในสนามตลอดฤดูกาลราว 1.2 ล้านคน ขณะที่ผู้ชมฟุตบอลในอังกฤษมีมากถึง 27 ล้านคน และกว่า 700 ล้านคนที่จะได้ชมการถ่ายทอดสดตลอดฤดูกาล นับเป็นช่องทางสำคัญที่จะช่วยให้คาราบาวแดงและคาราบาว คัพเป็นที่รู้จักและเชื่อมั่นในฐานะลีกการแข่งขันฟุตบอลระดับโลก
แล้วมันประสบความสำเร็จขนาดไหน? เมื่อดูจากผลสำรวจการตลาดผ่านแพลตฟอร์มฟุตบอลอีเอฟแอล (EFL) ในเดือนมีนาคมช่วงฤดูกาล 2017/18 ระบุว่าการรับรู้ต่อแบรนด์คาราบาวเพิ่มขึ้น 106% จากปีก่อน ทำให้คาราบาวกรุ๊ปได้ขยายสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักต่อเนื่องไปอีก 2 ปี (ปี 2021, 2022)
ก้าวสู่ ‘คาราบาว คัพ’ ปีที่ 5 ตอกย้ำแบรนด์ของ ‘นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่’
คาราบาวกรุ๊ป ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก ‘คาราบาว คัพ’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และยังเป็นขวบปีที่ 5 ที่ยืนยันว่ากลยุทธ์ Sport Marketing มีศักยภาพมากพอที่จะสร้างความเชื่อมั่น สร้างการรับรู้ ให้กับ ‘คาราบาว คัพ’ และ ‘เครื่องดื่มคาราบาว’ ในคราวเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะนำพาองค์กรและแบรนด์ก้าวสู่ ‘สินค้าระดับโลก และแบรนด์ระดับโลก’ ในอนาคต
ศึกลูกหนังระหว่าง ‘ลิเวอร์พูล’ และ ‘เชลซี’ ใครจะคว้าแชมป์คาราบาว คัพต้องไปลุ้นกันเอง และอย่างที่บอก นี่จะเป็นแมตช์จุดกระแสและปลุกความสนใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก ช่วยให้การรับรู้แบรนด์คาราบาวเพิ่มสูงขึ้นในระดับโลก พร้อมทั้งย้ำเตือนว่า…ใครกันคือ (แบรนด์) นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าสนามตัวจริง!
