ทางการกัมพูชาแบนพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคแคนเดิลไลต์ (Candlelight Party) ของสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองกัมพูชาที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน มาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยได้ตัดสิทธิห้ามพรรคการเมืองนี้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้
หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าการตัดสิทธิพรรคการเมืองในครั้งนี้อาจทำให้ฮุน เซน จากพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People’s Party: CPP) สามารถกวาดคะแนนเสียงได้อย่างถล่มทลาย และชนะการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งเป็นสมัยที่ 6 นับตั้งแต่ปี 1998
โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ของกัมพูชาชี้แจงเหตุผลการตัดสิทธิพรรคแคนเดิลไลต์ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ว่า “พรรคการเมืองนี้ไม่สามารถส่งเอกสารลงทะเบียนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม” ขณะที่พรรคการเมืองอื่นสามารถลงทะเบียนสมัครรับเลือกตั้งได้ตามปกติ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าพรรคแคนเดิลไลต์ของสม รังสี เป็นพรรคผู้ท้าชิงที่อันตรายและท้าทายที่สุดสำหรับฮุน เซน และพรรค CPP ที่ครองอำนาจนำในการเมืองกัมพูชามาอย่างยาวนาน
ทางด้าน กษิต ภิรมย์ สมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยระบุว่า “ระบอบการปกครองของฮุน เซน ดูถูกเหยียดหยามหลักการของประชาธิปไตยอย่างที่สุดอีกครั้ง และแสดงถึงความไม่เต็มใจที่จะแข่งขันในสนามการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม
“หากต้องการให้ประชาคมโลกยอมรับผลการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมนี้ รัฐบาลกัมพูชาต้องยุติความพยายามทั้งหมดที่จะสกัดกั้นฝ่ายตรงข้าม และรับประกันพื้นที่สำหรับทุกพรรคการเมืองให้มีส่วนร่วมในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้”
นอกจากนี้ การตัดสิทธิพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลกัมพูชาในครั้งนี้ยังฉายให้เห็นภาพเหตุการณ์ซ้ำเดิมที่เคยเกิดขึ้นกับพรรคกู้ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party: CNRP) พรรคฝ่ายค้านที่ร่วมก่อตั้งโดยสม รังสี และเขม โสกา อีกหนึ่งผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชาที่ถูกตัดสิทธิก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2018 และปูทางให้ฮุน เซนกวาดคะแนนเสียงสนับสนุนไปได้มากถึง 76.85% คว้าชัยในการเลือกตั้งแบบไร้คู่แข่งที่น่าเป็นกังวล ขณะที่บรรดาสมาชิกพรรค CNRP หลายสิบคนต่างถูกควบคุมตัวหรือถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญา บางรายต้องลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ ท่ามกลางการปราบปรามศัตรูทางการเมืองอย่างต่อเนื่องของฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาคนปัจจุบัน
โดยสื่อต่างประเทศรายงานว่า ฮุน เซนเคยกล่าวว่า พรรค CPP ของตนจะครอบงำและครองอำนาจนำในการเมืองกัมพูชาไปยาวนานกว่า 100 ปี
ขณะที่สอน ชัย รองประธานพรรคแคนเดิลไลต์เผยว่า ตนจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมระบุว่า เรายังมีเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในการดำเนินการเรื่องนี้ ทางด้าน Human Rights Watch เคยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลต่างๆ ในประชาคมโลกร่วมกันส่งข้อความถึงกัมพูชาว่า การตัดสินยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง ทำร้ายและจับกุมสมาชิกพรรคฝ่ายค้านก่อนการเลือกตั้งนั้น บ่งชี้ว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง (ที่เสรีและยุติธรรม) จริงๆ เกิดขึ้นเลย
ฮุน เซน เคยได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในช่วงปลายปี 1984 ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อต้นปี 1985 และครองอำนาจนำในการเมืองกัมพูชานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยฮุน เซน ถือเป็นหนึ่งในผู้นำประเทศที่ครองอำนาจนำยาวนานที่สุดในโลกขณะนี้
แฟ้มภาพ: Money Sharma / AFP
อ้างอิง:
