×

ครม. เห็นชอบหลักการพัฒนาภาคเหนือตอนบน 2 วงเงิน 300 ล้านบาท สั่งศึกษาสร้างสนามบินพะเยารองรับการท่องเที่ยวในอนาคต

โดย THE STANDARD TEAM
19.03.2024
  • LOADING...
สนามบินพะเยา

วันนี้ (19 มีนาคม) ที่มหาวิทยาลัยพะเยา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2567 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการปฏิบัติราชการของ ครม. ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย, น่าน, พะเยา และแพร่) โดยเห็นชอบในหลักการของโครงการกลุ่มจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง โครงการกรอบวงเงิน 150 ล้านบาท และเห็นชอบในหลักการที่เสนอจากภาคเอกชน 4 โครงการ กรอบวงเงิน 145 ล้านบาท 

 

โดยในที่ประชุมมีข้อหารือให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งจัดทำสำนักงานท่องเที่ยวประจำจังหวัด และศึกษาการประกาศให้จังหวัดพะเยาเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างสนามบินพะเยา โดยต้องพยายามตั้งสำนักงานท่องเที่ยวประจำจังหวัดพะเยาให้ได้ภายในไตรมาส 4 

 

ด้าน ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ระบุเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมอนุมัติ 13 โครงการตามที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนเสนอ จำนวนเงิน 300 ล้านบาท แต่ส่วนของ 4 โครงการจากภาคเอกชน ซึ่งที่ประชุมเห็นว่ามีความซับซ้อนกับโครงการที่อยู่ในงบประมาณปี 2568 จึงได้ยกโครงการออกไปให้ใช้งบประมาณปี 2568 แทน

 

ดูแลผลผลิตลำไย ป้องกันภาวะล้นตลาด

 

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการในที่ประชุม ครม. ตามที่รัฐมนตรีการค้าสหรัฐอเมริกานำคณะนักธุรกิจที่ปรึกษาการส่งออกของประธานาธิบดีมาเยี่ยม หารือรัฐบาล และมีความสนใจพลังงานสะอาด จึงสั่งให้กระทรวงพลังงานเร่งจัดทำมาตรการ เพื่ออนุญาตและส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อ-ขายพลังงานสะอาดโดยตรงกับผู้ผลิตพลังงานสะอาด / พลังงานทดแทน (Direct PPA) และเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติโดยเร็ว 

 

รวมทั้งสั่งการช่วยเหลือผู้เพาะปลูกลำไย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจ ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานต่างๆ บูรณาการผลิตลำไยตั้งต้น กลาง และปลายน้ำ เพื่อให้ปริมาณการผลิตสมดุลกับความต้องการตลาด ผลผลิตมีคุณภาพสูง มีการแปรรูปหลากหลาย ซึ่งจะทำให้ราคาลำไยมีประสิทธิภาพและไม่เกิดภาวะล้นตลาด 

 

ห้ามนำเข้าข้าวโพดเพื่อนบ้านที่เกี่ยวข้องกับการเผา

 

ชัยยังกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรียังสั่งการที่ประชุมห้ามนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 แม้จะเคยมีมาตรการลดหรือห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผา 

 

ปัจจุบันไทยยังได้รับผลกระทบจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงขอสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 เพื่อกำหนดให้ข้าวโพดจากต่างประเทศที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผา เป็นสินค้าห้ามนำเข้ามาในประเทศโดยเด็ดขาด 



 

ที่ประชุม ครม. มีข้อโต้แย้งว่า ประกาศนี้อาจขัดต่อข้อตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งบัญญัติข้อห้ามใดที่สั่งปฏิบัติประเทศคู่ค้าจะต้องทำเช่นเดียวกันภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม หาก พ.ร.บ.อากาศสะอาด ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปลายปีนี้ เมื่อมีผลบังคับใช้ถึงจะออกประกาศฉบับนี้ได้ จึงต้องชะลอประกาศนี้ไปก่อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่า ใครที่จะนำเข้าข้าวโพดจะต้องไปดูแลต้นทาง ป้องกันห้ามมีการเผา

 

ครม. เห็นชอบการดำเนินงาน ‘โคแสนล้าน’ นำร่อง

                  

ชัยกล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการโคแสนล้านนำร่องสำหรับให้สมาชิกกองทุนฯ กู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงโค กระบือ แพะ และแกะ จำนวน 100,000 ครัวเรือน ครัวเรือนละไม่เกิน 50,000 บาท งบประมาณรวม 5,000 ล้านบาท เริ่มผ่อนชำระคืนในปีที่ 3 โดยภาครัฐจะช่วยอุดหนุนอัตราดอกเบี้ย แต่สถาบันการเงินยังไม่กำหนดดอกเบี้ยที่ชัดเจน 

 

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจึงมีมติอนุมัติโครงการ แต่ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ประชุมเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงจำนวนที่รัฐจะต้องชดเชย 

 

ส่วนที่ผ่านมาโครงการประสบปัญหาขาดทุน สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ระบุในที่ประชุมว่า โครงการนี้ต่างจากที่ผ่านมา เนื่องจากจะให้เกษตรกรเป็นผู้ตัดสินใจซื้อแม่วัวเอง หากให้รัฐดำเนินการอาจมีปัญหา และในช่วงนี้ที่ราคาวัวเนื้อตกต่ำ เกษตรกรขาดทุน เป็นการส่งเสริมให้เลี้ยงโคในเกษตรกรรายย่อย 2-3 ตัว เก็บกินหญ้าตามธรรมชาติ ซึ่ง อนุชา นาคาศัย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงานที่ประชุมว่า เคยทำโครงการเดียวกันนี้กับวัวจำนวน 1,000 ตัว ที่ผ่านมาก็ประสบผลสำเร็จ

 

เพิ่มอัตรากำลังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา 731 อัตรา 

 

ด้าน คารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา (แผนอัตรากำลังโรงพยาบาลฯ) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2571 จำนวน 731 อัตรา งบประมาณรวมทั้งสิ้น 208.08 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เสนอเพิ่มอัตรากำลังและบุคลากร 

 

โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่าย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืน 

 

ทั้งนี้ เพื่อรองรับการให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และการขยายศักยภาพจากโรงพยาบาลขนาดเล็กเป็นโรงพยาบาลทั่วไป เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ พัฒนาศูนย์การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพื่อรองรับการเป็นสถานฝึกปฏิบัติการในชั้นคลินิกสำหรับนิสิตแพทย์ และพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising