×

ครม. อนุมัติเป้าหมาย ‘เงินเฟ้อ’ ปี 2567 และระยะปานกลางไว้เท่าเดิมที่ 1-3% เตือนเงินเฟ้อไทยในระยะต่อไป ‘มีความไม่แน่นอนสูง’

26.12.2023
  • LOADING...
เงินเฟ้อ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายเงินเฟ้อระยะปานกลาง และเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2567 ไว้เท่าเดิมที่ 1-3% เตือนเงินเฟ้อไทยในระยะต่อไปยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยในปี 2567 อาจได้รับแรงกดดันทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานจากมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงราคาอาหารสดที่อาจได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ

 

วันนี้ (26 ธันวาคม) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 2567 ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติในมาตรา 28/8 แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2485 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 สรุปได้ ดังนี้

 

  1. กำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1-3% เป็นเป้าหมายของนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง และเป็นเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับปี 2567 

 

  1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะประธาน กนง. ลงนามในข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 2567 โดยข้อตกลงดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้

 

2.1 ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา และแนวโน้มในระยะข้างหน้า

 

ในช่วงที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อไทยที่อยู่ในระดับสูงปรับลดลงต่อเนื่องตามแรงกดดันด้านอุปทานที่ทยอยคลี่คลายเป็นสำคัญ ได้แก่ (1) ราคาพลังงานที่ปรับลดลงตามราคาในตลาดโลก หลังผลกระทบของการหยุดชะงักของห่วงโซ่การผลิตโลก และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนบรรเทาลง ประกอบกับมีความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และ (2) ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศ โดยเฉพาะเนื้อสุกรที่ปรับลดลงตามอุปทานที่เพิ่มขึ้น ทำให้แรงกดดันด้านต้นทุนและแนวโน้มการส่งผ่านราคาของผู้ประกอบการลดลง

 

อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อไทยในระยะต่อไปยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยอัตราเงินเฟ้อในปี 2567 อาจได้รับแรงกดดันทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานจากมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงราคาอาหารสดที่อาจได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังมีความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ ภูมิทัศน์ด้านพลังงานและภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว

 

2.2 ข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี 2567 ไว้ที่ 1-3%

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ กนง. มีข้อตกลงร่วมกันโดยกำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1-3% เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง และเป็นเป้าหมายสำหรับปี 2567 เนื่องจาก (1) เป้าหมายดังกล่าวเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับศักยภาพ และที่ผ่านมาสามารถยึดเหนี่ยวอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ได้ดีแม้ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง (2) การคงเป้าหมายเป็นการแสดงถึงความตั้งใจที่จะรักษาเสถียรภาพราคา อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชน และช่วยยึดเหนี่ยวอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย และ (3) ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบภายใต้ความไม่แน่นอนสูง การปรับเปลี่ยนเป้าหมายอาจสร้างความสับสนต่อสาธารณชนเกี่ยวกับแนวนโยบายในระยะข้างหน้าได้ ภายใต้สถานการณ์ที่พลวัตเงินเฟ้อได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะร่วมมือในการดำเนินนโยบายการคลังและนโยบายการเงินให้มีความสอดประสาน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภาพและสร้างรายได้ให้กับประชาชน ซึ่ง กนง. มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินนโยบายการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคา และดูแลให้อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางอยู่ในกรอบเป้าหมาย ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน 

 

2.3 ข้อตกลงในการติดตามและรายงานผลการดำเนินนโยบาย รวมถึงการหารือร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนโยบายการเงิน กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะหารือร่วมกันเป็นประจำและ/หรือเมื่อมีเหตุจำเป็นอื่นตามที่ทั้งสองหน่วยงานจะเห็นสมควร เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายของนโยบายการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้การดำเนินนโยบายการคลังและนโยบายการเงินเป็นไปในทิศทางที่สอดประสานกัน

 

กนง. จะจัดทำรายงานผลการดำเนินนโยบายการเงินทุกครึ่งปี ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับ 

(1) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมา

(2) แนวทางการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไป

(3) การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจในอนาคต

 

เพื่อแจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบ รวมถึงจะเผยแพร่รายงานนโยบายการเงินทุกไตรมาสเป็นการทั่วไป อันจะช่วยเพิ่มการรับรู้ของสาธารณชนถึงแนวทางการตัดสินนโยบายการเงินของ กนง. ซึ่งจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพของการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต

 

2.4 ข้อตกลงในการออกจดหมายเปิดผนึกของ กนง. ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน

 

กนง. ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปี 2566 และ 2567 จะอยู่ในกรอบเป้าหมาย อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อในบางช่วงอาจผันผวนและเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมายได้จากปัจจัยชั่วคราวที่กระทบต่อพลวัตเงินเฟ้อ

 

ดังนั้น กนง. จะติดตามและประเมินผลกระทบของปัจจัยเสี่ยงต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างต่อพลวัตเงินเฟ้อไทยในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา หรือประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมาย กนง. จะมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นการสื่อสารและสร้างความเชื่อมั่นในการดูแลเสถียรภาพด้านราคาให้แก่สาธารณชน โดยจะชี้แจงถึง (1) สาเหตุของการเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมายดังกล่าว (2) แนวทางการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมาและในระยะต่อไป เพื่อนำอัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่เป้าหมายในระยะเวลาที่เหมาะสม และ (3) ระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่เป้าหมาย นอกจากนี้ กนง. จะมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทุก 6 เดือน หากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยตามแนวทางข้างต้นยังคงอยู่นอกกรอบเป้าหมาย และจะรายงานความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาเป็นระยะตามสมควร

 

2.5 การแก้ไขเป้าหมายของนโยบายการเงิน

 

ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรหรือจำเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ กนง. อาจตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขเป้าหมายของนโยบายการเงินได้ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising