BYD ประกาศกำไรปี 2022 พุ่งขึ้น 446% ผงาดแซงหน้า Tesla ในตลาดจีนอีกปี แม้ต้องแก้เกมยอมหั่นราคาลงอย่างดุเดือด เพื่อตัดราคาคู่แข่ง เปิดกลยุทธ์ปีนี้พร้อมรุกตลาดต่างประเทศ รวมถึงตลาดสหรัฐฯ-ยุโรป จ่อเปิดตัวรถยนต์ EV แบรนด์หรูใหม่ 2 รุ่น ช่วยปั๊มยอดขายเติบโตต่อเนื่อง
สื่อต่างประเทศรายงานว่า BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่จากจีน ประกาศยอดขายปีที่ผ่านมา 2022 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่กำไรของบริษัทขยายตัวสูงถึง 4 เท่า โดยกำไรสุทธิทั้งปี 2022 เพิ่มขึ้น 446% มาอยู่ที่ 1.66 หมื่นล้านหยวน หากเทียบปี 2021 กำไร 3 พันล้านหยวน
ทั้งนี้ BYD สร้างการเติบโตในตลาด EV ในจีนได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงตั้งเป้าที่จะแข่งขันกับ Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลกอยู่เช่นเดิม
โดยปี 2022 ที่ผ่านมา BYD ขายรถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดได้ 1.86 ล้านคันในปี 2022 โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวคิดเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมด และคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ในตลาดจีน ขณะที่ปีที่แล้ว Tesla ขายได้ 1.31 ล้านคัน
BYD ระบุว่า กำลังมองหาโอกาสขยายการลงทุนสู่ตลาดต่างประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา ยุโรป นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์หรูใหม่ 2 รุ่นในปีนี้ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญกับงบลงทุน และเป็นกุญแจสำคัญทำให้เติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม หวังฉวนฝู ผู้ก่อตั้ง BYD ประกาศหลังจากแถลงผลประกอบการว่า บริษัทไม่มีแผนที่จะรุกสู่ ‘ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในสหรัฐฯ’ ซึ่งค่อนข้างสวนทางกับการคาดการณ์ของตลาดที่เชื่อกันว่า BYD ต้องการส่งตัวเองไปท้าทาย Tesla ถึงถิ่นที่สหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน
‘Tesla’ ลดราคาอย่างดุเดือดในประเทศจีน
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ Tesla ปรับลดราคาลงอย่างมากในจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อตัดราคาคู่แข่งในจีน ตั้งแต่ลดราคาครั้งแรกที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ที่มีขึ้นในเดือนตุลาคม ตามด้วยอีกรอบในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้รถยนต์ที่ผลิตในประเทศจีน (เทียบเป็นรายปี) มีราคาถูกลงประมาณ 14% และถูกกว่าราคา Tesla ที่ขายในสหรัฐอเมริกาถึง 50%
Bloomberg ระบุอีกว่า บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอย่างน้อย 30 แห่งทั้งที่เป็นบริษัทจีนและบริษัทข้ามชาติ ถูกบังคับให้ลดราคาเพื่อให้เท่ากับส่วนลดของ Tesla ยกตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตจีนอย่าง Xpeng และ NIO ที่ต้องเสนอส่วนลดมากถึง 70,000 หยวน (ราว 10,000 ดอลลาร์) ในขณะที่ Ford Mustang Mach-E ปัจจุบันมีราคาถูกกว่าในสหรัฐอเมริกาถึง 1 ใน 3 อีกด้วย
ทางด้าน The Business Times ระบุ แม้ BYD จะมีความท้าทายจากความต้องการที่ลดลงในปี 2023 แต่คาดว่ายอดขายรถยนต์พลังงานทางเลือกจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่ชะลอกำลังผลิตตั้งแต่ต้นปีตามยอดขายทั่วทั้งอุตสาหกรรมเริ่มชะลอตัว อีกทั้งรัฐบาลจีนยังยุติโครงการอุดหนุนสำหรับ EV และรถยนต์ไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊ก
ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมที่บริษัทพัฒนาและผลิตขึ้นเองซึ่งรู้จักกันในชื่อ Blade Battery ซึ่งใช้ Iron Phosphate ที่มีราคาย่อมเยา แต่เสถียรมากกว่าแบตเตอรี่ที่ทำจากนิกเกิลและโคบอลต์ ปริมาณการติดตั้งแบตเตอรี่ของบริษัทอยู่ในอันดับที่ 2 ทั่วโลกในเดือนมกราคม โดยมีส่วนแบ่งตลาด 17.6% ซึ่งสูงกว่า LG Energy Solutions ตามรายงานของ SNE Research ที่อ้างอิงจาก Reuters
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ในมือประธานวงศ์ พรประภา ฝันที่ยิ่งใหญ่ของ ไฮโซพก
- เปิดเงื่อนไขซื้อ ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ รัฐบาลช่วยจ่ายเงินอุดหนุนเท่าไร ลดภาษีกี่เปอร์เซ็นต์
- ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังเฟื่องฟู แต่ความหวือหวานี้จะอยู่ได้นานอีกเท่าไร?
อ้างอิง:
- https://www.businesstimes.com.sg/international/global/ev-giant-byd-q4-profit-jumps-12-times-73-billion-yuan
- https://qz.com/byd-china-electric-vehicle-tesla-battery-hybrid-1850275297
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-03-29/china-s-byd-has-no-plans-to-challenge-tesla-is-us-anytime-soon?leadSource=uverify%20wall&fbclid=IwAR3M94G4UhOaaBKeG_pZP1ru4LSSgHRlSsBnsyyM9XEo0wp9nSm8rbl3Tc0&sref=CVqPBMVg