BYD เปิดตัวยานยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ วิ่งได้ไกลกว่า 2,000 กิโลเมตร โดยไม่ต้องชาร์จไฟหรือเติมน้ำมัน ท้าทายคู่แข่งอย่าง Toyota และ Volkswagen ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
เทคโนโลยีใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่าง BYD และคู่แข่ง โดยจะเปิดตัวในรถยนต์ซีดาน 2 รุ่นทันทีในราคาต่ำกว่า 1 แสนหยวน (ประมาณ 5 แสนบาท)
ระยะทางที่เพิ่มขึ้นหมายความว่ารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของ BYD บางรุ่นสามารถวิ่งได้เทียบเท่ากับระยะทางจากสิงคโปร์ไปยังกรุงเทพฯ นิวยอร์กไปไมอามี หรือมิวนิกไปยังมาดริด ในการชาร์จและเติมน้ำมันแต่ละครั้ง
ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าล่าสุดของ BYD ในการลดการใช้เชื้อเพลิง นับตั้งแต่เปิดตัวรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกในปี 2008
BYD ซึ่งมีฐานอยู่ในเซินเจิ้น ได้พลิกโฉมตลาดรถยนต์ในจีนด้วยการลดราคาอย่างหนัก แม้จะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทเองก็ตาม และการวางตำแหน่งรถยนต์ไฮบริดที่วิ่งได้ระยะไกลอาจกระตุ้นสงครามราคามากยิ่งขึ้น
บริษัทขายรถยนต์ได้ 3 ล้านคันในปีที่แล้ว และส่งมอบรถยนต์เกือบ 1 ล้านคันในปีนี้จนถึงเดือนเมษายน รถยนต์ไฮบริดทุกๆ สองคันที่ขายในประเทศจีนเป็นของ BYD ซึ่งเน้นย้ำถึงการเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้และกำไรที่สำคัญของ BYD
ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกกำลังพยายามลดความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับระยะทางในการขับขี่ ในขณะเดียวกันก็เสนอยานพาหนะที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม Toyota ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบรุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่สามารถทำงานด้วยไฮโดรเจน น้ำมันเบนซิน หรือเชื้อเพลิงอื่นๆ พร้อมกับแบตเตอรี่
BYD อ้างว่า ในการทดสอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสามารถวิ่งได้ไกลถึง 2,500 กิโลเมตร ในขณะนี้การอัปเกรดมีไว้สำหรับรถยนต์ที่ผลิตในจีน แต่มีแนวโน้มว่าจะส่งออกในเร็วๆ นี้
ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดต่างผลักดันขีดจำกัดของระยะทาง เพื่อแก้ไขสิ่งที่ผู้บริโภคบางคนยังคงมองว่าเป็นข้อเสียเปรียบเมื่อเปลี่ยนจากน้ำมัน
BYD หยุดผลิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมดในช่วงต้นปี 2022 และได้เพิ่มการส่งออกรถยนต์ไฮบริดไปยังตลาดเกิดใหม่ที่ขาดโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จแบตเตอรี่
รถยนต์สองรุ่นแรกที่จะมาพร้อมกับความสามารถในการวิ่งระยะไกลคือรถซีดานขนาดกลาง Qin L และ Seal 06 ซึ่ง BYD เปิดตัวในงาน Beijing Auto Show เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ Dynasty และ Ocean ตามลำดับ
ภาพ: Courtesy of BYD
อ้างอิง: