เมื่อวานนี้ (15 สิงหาคม) ศิรินุช ชีวันพิศาลนุกูล รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า การจัดซื้อชุดตรวจ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด ตามโครงการพิเศษของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. อย่างเร่งด่วนนั้น องค์การได้ดำเนินการจัดซื้อตามเนื้อหาหลักของ TOR ที่ สปสช. กำหนดมา ซึ่ง TOR ล่าสุดไม่ได้มีการระบุว่าต้องเป็นมาตรฐาน WHO ทั้งนี้เป็นไปตามหนังสือของโรงพยาบาลราชวิถีส่งมาให้องค์การ ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2564 พร้อมได้แนบหนังสือของ สปสช. ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2564 ซึ่งแนบ TOR ที่ลงนามโดยประธานคณะทำงานกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาด้วย
หลังจากนั้นองค์การได้มีการประสานงานกับ สปสช. และโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อปรับในรายละเอียดบางส่วนของ TOR บางประการ เช่น การกำหนดเวลาส่งมอบที่กระชั้นชิด จากเดิมวันส่งมอบซึ่งระบุเป็นวันที่ 10 สิงหาคม ได้ปรับเป็นส่งมอบภายใน 14 วันหลังจากวันลงนามในสัญญา รวมถึงประเด็นที่ได้รับการทักท้วงจากผู้ขายและได้ดำเนินการตามความเห็นของ สปสช. อาทิ จากเดิมให้ใช้ตัวอย่างตรวจเป็น ‘Nasal /Nasopharyngeal swab’ ได้ปรับเป็น ‘Nasal swab’ หรือตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV2 (เชื้อก่อโควิด-19) พ.ศ. 2564 ข้อ 10 ปรับค่าจากเดิม ‘ความจำเพาะ (Specificity) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 97’ ได้ปรับเป็น ‘ไม่น้อยกว่าร้อยละ 98’ เพื่อให้ได้ ATK ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานของ อย. ไม่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เปิดกว้างในการแข่งขันมากขึ้น และเป็นไปตามความต้องการตาม TOR ของ สปสช. และโรงพยาบาลราชวิถี พร้อมทั้งดำเนินการจัดซื้อโดยวิธีคัดเลือก เนื่องจากมีผู้ขายมากกว่า 1 ราย ซึ่งสามารถดำเนินการเร่งด่วนได้เช่นกัน
พร้อมกันนั้นได้เร่งส่ง TOR ให้บริษัททั้ง 24 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทตามประกาศของ อย. ในขณะนั้น กำหนดยื่นเสนอเอกสารและเปิดซองราคาในวันที่ 10 สิงหาคม ใช้เกณฑ์ราคาต่ำสุด โดยในวันเสนอราคามีบริษัทเข้าร่วมเสนอราคา 19 บริษัท ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 16 บริษัท และได้ผลิตภัณฑ์ ATK ยี่ห้อ ‘SARS-CoV-2 Antigen Rapid Test Kit’ ของ บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด โดยผู้แทนจำหน่ายคือ บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ที่เสนอราคาต่ำสุด ราคาประมาณชุดละ 70 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยเสนอราคาต่ำกว่าวงเงินงบประมาณที่ สปสช. ตั้งไว้ ทำให้ประหยัดงบประมาณภาครัฐได้กว่า 400 ล้านบาท
รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า การจัดซื้อ ATK ครั้งนี้ ถ้าหาก สปสช. และโรงพยาบาลราชวิถีพิจารณาเห็นว่ามีผู้ขายเพียงรายเดียวที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามที่ต้องการ ทั้งสองหน่วยงานสามารถระบุยี่ห้อและ/หรือบริษัท พร้อมเหตุผลความจำเป็นที่ชัดเจนในการต้องระบุยี่ห้อมาให้แก่องค์การเพื่อจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจงได้ แต่การจัดซื้อครั้งนี้ทั้งสองหน่วยงานไม่ได้มีการระบุมาให้ องค์การจึงดำเนินการจัดซื้อตามข้อบังคับองค์การเภสัชกรรมว่าด้วยการพัสดุเพื่อการผลิตและจำหน่าย พ.ศ. 2561 โดยวิธีคัดเลือกเนื่องจากมีผู้ขายหลายราย ซึ่งสามารถดำเนินการภายในระยะเวลาเร่งด่วนได้เช่นกัน
ทั้งนี้ข้อบังคับขององค์การเภสัชกรรมว่าด้วยการพัสดุเพื่อการผลิตและจำหน่าย พ.ศ. 2561 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 เป็นหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับการพาณิชย์โดยตรง ที่ออกตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และประกาศคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ข้อบังคับจะกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์ของการซื้อโดยวิธีคัดเลือกไว้ในข้อ 11 และวิธีเฉพาะเจาะจงในข้อ 13 โดยสามารถซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจงกรณีเป็นพัสดุเพื่อการผลิตและจำหน่ายที่จำเป็นต้องซื้อตามความต้องการของลูกค้าตามข้อ 13 (4)