โรงพยาบาลที่ฉลาด อาจยังไม่เพียงพอสำหรับอนาคต
เพราะในโลกที่ความซับซ้อนของระบบสุขภาพเพิ่มขึ้นทุกวัน การแค่ ‘มีข้อมูล’ หรือ ‘มีระบบอัตโนมัติ’ อาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป บำรุงราษฎร์จึงกำลังขยับจากคำว่า Smart Hospital ไปสู่โมเดลใหม่ที่เรียกว่า Agentic Hospital จุดเปลี่ยนสำคัญที่ไม่ได้แค่สร้างระบบที่คิดเองได้ แต่ต้องลงมือเองได้
และเบื้องหลังแนวคิดนี้คือแรงบันดาลใจจากแพลตฟอร์ม AI Agentforce ของ Salesforce ที่ไม่ได้แค่เป็นเทคโนโลยีใหม่ แต่คือแนวคิดใหม่ในการออกแบบระบบงานร่วมกับ AI ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
🟡 AI ที่ไม่ใช่แค่ ‘รู้’ แต่ ‘ทำ’
Agentic Hospital หมายถึงโรงพยาบาลที่ใช้ AI ไม่ใช่เพื่อเก็บข้อมูล แต่เพื่อเปลี่ยนข้อมูลเป็นการกระทำจริงในเวลาจริง
ลองนึกภาพว่าเมื่อคนไข้คนหนึ่งเดินเข้ามาในโรงพยาบาล ตั้งแต่การนัดหมาย การรับเข้า การวินิจฉัย ไปจนถึงการเรียกเก็บเงิน ทุกขั้นตอนมี AI Agent ทำงานอยู่เบื้องหลัง ลดขั้นตอน ลดความผิดพลาด และลดภาระงานที่ไม่จำเป็นให้กับทีมแพทย์
ที่สำคัญ มันไม่ใช่แค่เรื่อง ‘สะดวกขึ้น’ หรือ ‘เร็วขึ้น’ แต่มันคืนเวลาให้แพทย์และพยาบาลได้กลับไปโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุด—ผู้ป่วย
🟡 Human Touch ด้วย Automation
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ AI จะทำให้การแพทย์ไร้ความเป็นมนุษย์ แต่บำรุงราษฎร์มองต่างออกไป
เป้าหมายของการใช้ AI Agent คือการ ‘เพิ่ม’ Human Touch ไม่ใช่ ‘ลด’ เพราะเมื่อแพทย์ไม่ต้องพิมพ์บันทึก ไม่ต้องกรอกฟอร์ม ไม่ต้องตามเอกสาร พวกเขาก็จะมีเวลามากขึ้นในการมองตาคนไข้ พูดคุย ฟัง และสร้างความเชื่อมั่นที่เทคโนโลยีไม่มีวันทดแทนได้
เทคโนโลยีไม่ได้มาแย่งงาน แต่มาแบ่งเบาภาระ เพื่อให้มนุษย์ได้ทำในสิ่งที่มนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ดีที่สุด
🟡 ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือการเปลี่ยน Mindset
แน่นอนว่าการจะสร้าง Agentic Hospital ไม่ใช่แค่เรื่องของระบบไอที แต่คือการปรับแนวคิดทั้งองค์กร
ผู้บริหารต้องเริ่มมองว่า AI Agents คือ ‘ทีมงาน’ ที่ต้องบริหารจัดการเหมือนกับพนักงานจริง ต้องรู้ว่าใครทำหน้าที่อะไร ซ้อนทับกับใครหรือไม่ ประสานงานกับใครได้บ้าง ขณะเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์ก็ต้องได้รับการฝึกให้มอง AI เป็น ‘เพื่อนร่วมงาน’ ไม่ใช่ ‘คู่แข่ง’
มันคือการสร้างระบบนิเวศใหม่ที่มนุษย์และเอเจนต์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
🟡 วิสัยทัศน์ใหม่ของโรงพยาบาลในอีก 3-5 ปี
ถ้าเดินหน้าตามแนวทางนี้ได้เต็มที่ อีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในโรงพยาบาล
🔸มีทีมแพทย์ที่มีเวลาให้ผู้ป่วยมากขึ้น พร้อมด้วยข้อมูลที่แม่นยำที่สุด
🔸มีระบบ AI ที่สื่อสารกับคนไข้โดยตรงภายใต้การดูแลของแพทย์
🔸เชื่อมต่อกับระบบภายนอก เช่น บริษัทประกัน ได้แบบไร้รอยต่อ
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้เทคโนโลยีใหม่ แต่คือการออกแบบระบบบริการสุขภาพใหม่ตั้งแต่รากฐาน
การเป็น Smart Hospital คือจุดเริ่มต้น แต่การเป็น Agentic Hospital คือเป้าหมาย
เพราะในโลกที่ซับซ้อนเกินกว่ามนุษย์คนเดียวจะจัดการได้ การมี ‘ผู้ช่วยอัจฉริยะ’ ที่ลงมือทำได้เอง คือกุญแจสำคัญในการรักษาคุณภาพ บริหารต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ป่วยในเวลาเดียวกัน
บำรุงราษฎร์กำลังพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีไม่ใช่ทางลัด แต่คือทางเลือกขององค์กรที่กล้าปรับตัวเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเสมอ


