วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนในตำนาน ออกมาแสดงความคิดเห็นอันหาได้ยากเกี่ยวกับนโยบายภาษีนำเข้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยเตือนว่าการเก็บภาษีในลักษณะนี้อาจเป็นชนวนให้เกิดเงินเฟ้อและส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในวงกว้าง
“ภาษีนำเข้าเป็นสิ่งที่เรามีประสบการณ์มามาก มันคือการกระทำที่เป็นสงครามการค้าในระดับหนึ่ง” บัฟเฟตต์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ โนราห์ โอดอนเนล จาก CBS News สำหรับสารคดีใหม่เกี่ยวกับ แคธารีน แกรห์ม ผู้ล่วงลับ ซึ่งเคยเป็นผู้จัดพิมพ์ของ The Washington Post
เจ้าของฉายาปราชญ์แห่งโอมาฮา วัย 94 ปี ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมพร้อมหัวเราะว่า “ในระยะยาวภาษีเหล่านี้ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น ซึ่งผู้บริโภคเป็นคนจ่ายในที่สุด ไม่มีใครมาจ่ายแทนเราหรอก! แล้วหลังจากราคาสินค้าแพงขึ้นแล้วจะเกิดอะไรต่อ? ในเรื่องเศรษฐศาสตร์ คุณต้องถามคำถามนี้เสมอว่า ‘แล้วหลังจากนั้นล่ะ?’”
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ประธานและซีอีโอของ Berkshire Hathaway ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับนโยบายการค้าของทรัมป์ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% จากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งมีผลในวันที่ 4 มีนาคม และจีนจะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% ในวันเดียวกัน ซึ่งจีนประกาศว่าจะตอบโต้
Berkshire Hathaway มีธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่ง ทั้งในด้านประกันภัย, รถไฟ, การผลิต, พลังงาน และค้าปลีก ในช่วงสมัยแรกของทรัมป์ บัฟเฟตต์แสดงความคิดเห็นอย่างยาวในปี 2018 และ 2019 เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าที่ปะทุขึ้น โดยเตือนว่าการเคลื่อนไหวเชิงรุกของพรรครีพับลิกันอาจก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบทั่วโลก
เมื่อ CBS News สอบถามเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน บัฟเฟตต์ไม่ได้แสดงความคิดเห็นโดยตรง โดยกล่าวว่า “ผมคิดว่ามันเป็นหัวข้อที่น่าสนใจที่สุดในโลก แต่ผมไม่พูด ผมพูดไม่ได้จริงๆ”
ในช่วงปีที่ผ่านมา บัฟเฟตต์อยู่ในโหมดป้องกัน โดยทยอยขายหุ้นและสะสมเงินสดในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ บางคนตีความการเคลื่อนไหวแบบอนุรักษนิยมของเขาว่าเป็นสัญญาณเตือนเชิงลบต่อตลาดและเศรษฐกิจ ในขณะที่บางคนเชื่อว่าเขากำลังเตรียมความพร้อมให้กับผู้สืบทอดตำแหน่งในอนาคต
ความผันผวนของตลาดได้เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่คาดเดาได้ยากจากทรัมป์ รวมถึงมูลค่าหุ้นโดยรวม โดยดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 1% ในปีนี้
อ้างอิง: