แม้ว่าทั่วโลกจะตื่นเต้นกับนวัตกรรม AI ที่กลายมาเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของหลายบริษัทที่กำลังหาหนทางในการสร้างผลกำไรและบริหารจัดการธุรกิจเพื่อคว้าโอกาสกับคลื่นลูกใหม่นี้ แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ดูทีท่าแล้วจะไม่ค่อยตื่นเต้นกับเทคโนโลยีนี้เท่าไร แถมกลับเป็นห่วงและเตือนถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นได้
“ถ้าเราคิดถึงศักยภาพในการใช้ AI เพื่อหลอกผู้คน หากผมสนใจจะลงทุนเพื่อใช้งาน AI ในกรณีนี้ มันอาจจะกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตมากที่สุดเลยก็ได้ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวก็สามารถทำได้แล้ว” บัฟเฟตต์กล่าวไว้ในงานสัมมนาผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway ประจำปี 2024
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมากับการใช้งาน AI ในทางที่ผิดคือ การลอกเลียนเสียง หรือที่เรียกว่า ‘Deep-Fake’ เพื่อแฝงตัวเป็นบุคคลในสมาชิกครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการจะขอเงินหรือข้อมูลส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม บัฟเฟตต์ตระหนักดีว่าด้านดีของเทคโนโลยีก็มีเหมือนกัน แต่สำหรับเขาที่ไม่ได้เข้าใจเทคโนโลยีอย่างถ่องแท้จึงมีความกังวลกับผลเสียที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง “ในฐานะที่ผมไม่เข้าใจมันดีพอ AI มีทั้งศักยภาพที่จะสร้างประโยชน์อย่างมหาศาล แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีศักยภาพการทำลายล้างที่สามารถนำมาซึ่งความเสียหายอย่างมหาศาลเช่นกัน เพียงแต่ผมไม่มั่นใจว่าสุดท้ายแล้วบทสรุปเรื่องนี้จะออกมาเป็นอย่างไร” บัฟเฟตต์กล่าวเสริม
บัฟเฟตต์ได้ยกตัวอย่างกรณีอาวุธนิวเคลียร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นและถูกใช้ในทางที่ผิดว่า มันคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการ AI ตอนนี้จากมุมมองของเขา เนื่องจากโลกได้ปลดปล่อยสิ่งที่อาจอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ออกมาแล้ว และบัฟเฟตต์ยังมองไม่ออกว่าพวกเราจะควบคุมมันได้มากน้อยแค่ไหน
นอกจากเรื่องความกังวล AI แล้ว บัฟเฟตต์ได้เผยถึงโอกาสการลงทุนที่เขากำลังจับตาและประเมินสถานการณ์อยู่ นั่นก็คือประเทศอินเดียที่เจ้าตัวมองว่าเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยโอกาสจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ Bloomberg คาดว่าจะเพิ่มสูงมากที่สุดในโลก บวกกับปัจจัยตลาดหุ้นที่ทำผลงานสร้างผลตอบแทนที่สูงได้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ซีอีโอ JPMorgan Chase & Co. เจมี ไดมอน มีมุมมองที่คล้ายบัฟเฟตต์ว่าอินเดียมีศักยภาพการเติบโตได้ต่อ อีกทั้งบริษัทจัดการหลักทรัพย์จำนวนไม่น้อยก็เพิ่มเม็ดเงินลงทุนในประเทศนี้ด้วย
บัฟเฟตต์กล่าวถึงแนวทางการลงทุนในอินเดียว่า “คำถามสำคัญที่ต้องตอบให้ได้ก่อนจะลงทุนคือเรา (Berkshire Hathaway) มีข้อได้เปรียบอะไรที่ธุรกิจอินเดียอยากจะร่วมงานด้วย? ซึ่งคำถามนี้เป็นอะไรที่ผู้บริหารชุดต่อไปจะเป็นผู้หาคำตอบ” บัฟเฟตต์ในวาระที่เขาพร้อมส่งไม้ต่อให้กับ เกร็ก เอเบล ผู้ที่จะกลายมาเป็นคนที่รับผิดชอบในการกำหนดทิศทางทั้งหมดของบริษัทต่อจากนี้
อ้างอิง: